Skip to main content

    พันธกิจเพื่อชาวโรฮิงญา

    นับกว่าทศวรรษที่องค์การแพทย์ไร้พรมแดนทำงานเป็นแนวหน้าในการเรียกร้องสำหรับวิกฤตการณ์ชาวโรฮิงญาอย่างต่อเนื่อง ภารกิจขององค์การฯ ในประเทศบังกลาเทศเริ่มต้นในปี 2528 จวบจนปัจจุบัน ตอนนี้องค์การฯ ได้ขยายการทำงานด้านมนุษยธรรมทางการแพทย์เข้าไปในหลายพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โยกย้ายถิ่นฐานชาวโรฮิงญา องค์การฯ ได้มีการางแผนการทำงานเพื่อรับมือกับวิกฤติ และตอนนี้โครงการขององค์การฯ มีทั่วทั้งบังกลาเทศ เมียนมา และมาเลเซีย โดยการทำงานของเรายังเกิดขึ้นโดยไม่มีหยุดพัก เพื่อส่งต่อบริการทางการแพทย์ที่สำคัญให้กับชาวโรฮิงญาในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการมากที่สุด

    อ่าน ‘รายงานด้านมนุษยธรรมระดับภูมิภาค’ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญาและผู้ลี้ภัยที่หนีออกจากเมียนมาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน ปี 2567

    Regional Rohingya Activity Report 2023

    รายงานสถานการณ์ชาวโรฮิงญาระดับภูมิภาคปี 2566 ในประเทศเมียนมา บังกลาเทศ และมาเลเซีย

    รายงานฉบับนี้ระบุถึงโครงการและปฏิบัติการขององค์การฯ เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมให้กับชุมชนโรฮิงญาในภูมิภาค

    บังกลาเทศ
    มาเลเซีย
    เมียนมา

    องค์การแพทย์ไร้พรมแดนได้ขยายการดำเนินงานในประเทศบังกลาเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 เพื่อตอบรับความต้องการด้านการดูแลสุขภาพของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญามากกว่าหนึ่งล้านคนภายในค่ายผู้ลี้ภัยและชุมชนท้องถิ่น ด้วยทีมงานกว่า 2,000 คน องค์การฯ ให้บริการที่หลากหลาย ที่รวมถึงการดูแลสุขภาพขั้นต้น การรักษาโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง บริการในสถานการณ์ฉุกเฉิน การดูแลสุขภาพสตรี การสนับสนุนด้านสุขภาพจิต และการดูแลผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงทางเพศ องค์การฯ ยังทำงานเพื่อปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการประปาและสุขอนามัยภายในค่ายผู้ลี้ภัยอีกด้วย

    ในช่วงที่ผ่านมา องค์การฯ ได้ปฏิบัติการรักษาผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่ข้ามชายแดนมาจากประเทศเมียนมา ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2567 องค์การฯ รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว 39 ราย ซึ่งหลายรายได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ตปืนครกและกระสุนปืน โดยร้อยละ 40 ของผู้ป่วยเป็นผู้หญิงและเด็ก ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงในเมียนมาและผลกระทบต่อประชากรโรฮิงญา ซึ่งหลายคนต้องเผชิญกับการคุกคามในระดับชีวิตและการเดินทางที่อันตรายเพื่อแสวงหาพื้นที่ปลอดภัยในบังกลาเทศ

    นอกเหนือจากการดูแลในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว องค์การฯ ยังดูแลปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในค่ายผู้ลี้ภัย อาทิ โรคไวรัสตับอักเสบซี การศึกษาที่ดำเนินการโดยองค์การฯ เผยให้เห็นว่าผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาเกือบร้อยละ 20 ที่เข้ารับการตรวจวิเคราะห์ในค่ายค็อกซ์ บาซาร์ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีอยู่ โดยองค์การฯ เป็นหน่วยงานเดียวที่ดำเนินการรักษาผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซีในค่ายดังกล่าวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 หากตัวเลขของผู้ต้องการเข้ารับการรักษานั้นมีมากกว่าศักยภาพในการรักษา โดยมีผู้ป่วยที่ตรวจพบโรคแล้วกว่า 8,000 ราย หากสถานพยาบาลขององค์การฯ สามารถรองรับผู้ป่วยใหม่ได้เพียง 150 ถึง 200 รายต่อเดือน ส่งผลให้มีความจำเป็นในการสร้างเกณฑ์การรับผู้ป่วยเข้ารักษาที่เข้มข้น และจำเป็นต้องมีการขยายปฏิบัติการการทำงานด้านด้านมนุษยธรรมที่มากขึ้น

    องค์การฯ กำลังรณรงค์ให้มีการรณรงค์เพื่อป้องกันและตรวจและรักษาในวงกว้างเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคไวรัสตับอักเสบซีภายในค่ายผู้ลี้ภัย

    กิจกรรมหลักขององค์การฯ ในบังกลาเทศปี 2566

    Banglagesh TH

    องค์การแพทย์ไร้พรมแดนส่งต่อความช่วยเหลือทางการแพทย์ไปยังผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่ลี้ภัย และชุมชนผู้โยกย้ายถิ่นฐานที่ไม่มีเอกสารพิสูจน์ตัวตนในประเทศมาเลเซียตั้งแต่ปี 2558 ในช่วงแรกนั้นการทำงานขององค์การฯ คือการขยายการปฏิบัติงานใต้วิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัย มีการริเริ่มโครงการในเมืองปีนัง (Penang) เพื่อให้บริการทางการแพทย์ขั้นปฐมภูมิ สุขภาพจิต การสนับสนุนทางจิตสังคม และให้คำปรึกษากับกลุ่มคนเปราะบาง

    ในปี 2561 องค์การฯ ตั้งคลินิกถาวรขึ้นในเมืองบัตเตอร์เวิร์ท (Butterworth) ปัจจุบันมีผู้ป่วยราว 900-1,000 รายต่อเดือน นอกจากนี้องค์การฯ ยังมีการดำเนินงานผ่านคลินิกเคลื่อนที่ประจำสัปดาห์ อันเป็นความร่วมมือกับกลุ่มพัฒนาภาคเอกชนอย่าง ACTS (A Call to Serve) เพื่อขยายการให้บริการเข้าไปยังพื้นที่ชนบทหรือยากแก่การเดินทางนอกปีนังที่ผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ องค์การฯ ยังได้ร่วมมือกับคลินิกและโรงพยาบาลท้องถิ่นในการส่งต่อตัวผู้ป่วย รวมถึงให้การสนับสนุนทางการแพทย์ร่วมกับกลุ่มพัฒนาภาคเอกชนต่างๆ สำหรับผู้คนที่อยู่ในสถานกักกันคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย (Immigration Detention Centres หรือ IDCs)

    สำหรับการสนับสนุนด้านอื่น องค์การฯ ประสานงานเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัยที่ต้องการการคุ้มครองและส่งต่อให้กับทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (The United Nations High Commissioner for Refugees หรือ UNHCR) นอกจากนี้ยังมีส่วนของการให้การสนับสนุนการทำงานของกลุ่มทำงานร่วมในมาเลเซียอีกด้วย การทำงานขององค์การฯ ยังรวมถึงการเรียกร้องให้ถอดถอน Health Circular 10/2001 และนโยบายการสละเรืออย่างปลอดภัยของผู้ลี้ภัยที่ย้ายถิ่นฐานทางเรือ องค์การฯ ยังทำงานร่วมกับกลุ่มทำงานร่วมท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาระยะยาวสำหรับผู้ลี้ภัยในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์

    กิจกรรมหลักขององค์การฯ ในมาเลเซียปี 2566

    MY

    ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 องค์การแพทย์ไร้พรมแดนต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการส่งต่อบริการทางการแพทย์ภายในประเทศเมียนมา เนื่องจากการต่อสู้ที่กลับมาปะทุระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพอารกัน นับเป็นเวลายาวนานกว่า 8 เดือนที่ทางองค์การฯ ไม่สามารถดำเนินงานในส่วนของคลินิกเคลื่อนที่ในรัฐยะไข่ ค่ายผู้พลัดถิ่นภายในประเทศในเมืองเปาะตอ (Pauktaw) ที่องค์การฯ มักจะเป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์เพียงรายเดียวที่สามารถเข้าถึงผู้คนในพื้นที่ได้ ความขัดแย้งที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเรื่องส่งผลให้เจ้าหน้าที่ขององค์การฯ ไม่สามารถเข้าถึงตัวผู้ป่วยได้ รวมถึงข้อจำกัดในเรื่องการเดินทางก็ส่งผลกระทบให้การส่งต่อตัวผู้ป่วยฉุกเฉินไม่อาจเกิดขึ้นได้

    ในเดือนมิถุนายน 2567 องค์การฯ มีโอกาสกลับมาเปิดคลินิกเคลื่อนที่บางส่วนในพื้นที่อ่องเม็งกะลาร์ (Aung Mingalar) เมืองซิตตเว (Sittwe) หากยังคงต้องทำงานใต้ศักยภาพการทำงานที่จำกัด เนื่องจากมีปริมาณเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่หลายส่วน อาทิ เมืองเปาะตอ ยังคงไม่สามารถเข้าถึงได้ การตั้งข้อจำกัดในการเดินทางยังส่งผลต่อการส่งยารักษาโรคขององค์การฯ เข้าไปยังพื้นที่ค่ายผู้ลี้ภัย และนั่นยิ่งตอกย้ำให้สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤติมากกว่าเดิม การส่งต่อตัวผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งสามารถช่วยต่อสายป่านชีวิตของผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาเฉพาะทางไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงการแพทย์ที่จำเป็น และความขัดแย้งในเวลานี้ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์หรือการคลอดเพิ่มมากขึ้น

    สถานพยาบาลของภาครัฐในรัฐยะไข่เองก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก สถานพยาบาลหลายแห่งต้องปิดตัวลงด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ขาดแคลนเจ้าหน้าที่ เวชภัณฑ์ และเชื้อเพลิง การให้บริการการแพทย์แบบทางไกล (Teleconsultations) ซึ่งเป็นความหวังของผู้ป่วยจำนวนมาก มักไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องจากสัญญาณโทรศ้พท์ที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้การสื่อสารนั้นไม่มีประสิทธิภาพที่เพียงพอ

    กิจกรรมหลักขององค์การฯ ในเมียนมาปี 2566

    Myanmar Thai

    อ่านเพิ่มเติม

    บังกลาเทศ: จำนวนผู้บาดเจ็บจากสงครามในเมียนมาล้นทะลักเข้ามาในพื้นที่
    บังกลาเทศ: จำนวนผู้บาดเจ็บจากสงครามในเมียนมาล้นทะลักเข้ามาในพื้นที่
    เมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ วันที่ 9 สิงหาคม 2567 – รายงานขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders / Médecins Sans Frontières – MSF) องค์การด้า...
    เมียนมา: องค์การฯ ระงับการปฏิบัติงานทางการแพทย์ในรัฐยะไข่
    เมียนมา: องค์การฯ ระงับการปฏิบัติงานทางการแพทย์ในรัฐยะไข่
    ความขัดแย้ง ความรุนแรงที่ไม่เลือกเป้าหมาย และการจำกัดการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากทางตอนเหนือของรัฐยะไข่(Rakhine)ประเทศเมียนมา(M...
    สิ่งที่ชาวโรฮิงญาปรารถนาในวันผู้ลี้ภัยโลก คือบ้าน ความปลอดภัย และชีวิตที่ปราศจากความหวาดกลัว
    สิ่งที่ชาวโรฮิงญาปรารถนาในวันผู้ลี้ภัยโลก คือบ้าน ความปลอดภัย และชีวิตที่ปราศจากความหวาดกลัว
    ชาวโรฮิงญาเคยมีพื้นเพเดิมจากรัฐยะไข่(Rakhine)ประเทศเมียนมา(Myanmar)ซึ่งพื้นที่ตอนเหนือติดกับชายแดนของบังกลาเทศ(Bangladesh)หากปัจจุบันพวกเขาคือคนไร้สัญ...
    เมียนมา: ท่ามกลางความขัดแย้ง ตึกทำการและร้านขายยาในรัฐยะไข่ถูกทำลายลง
    เมียนมา: ท่ามกลางความขัดแย้ง ตึกทำการและร้านขายยาในรัฐยะไข่ถูกทำลายลง
    บูตีต่อง (Buthidaung) - องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders/ Medecins Sans Frontières - MSF) แจ้งให้ทราบว่าตึกที่ทำการและร้านขายยาขององค์กา...
    บังกลาเทศ : อัตราการเกิดโรคไวรัสตับอักเสบซีที่น่าวิตกในค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
    บังกลาเทศ : อัตราการเกิดโรคไวรัสตับอักเสบซีที่น่าวิตกในค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
    โรคระบาดระดับภูมิภาค(Epidemic)กำลังแพร่ระบาดอย่างเงียบเชียบในค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาขนาดใหญ่ในเมืองค็อกซ์ บาซาร์(Cox's Bazar)ผลสำรวจเมื่อไม่นานนี้ของอ...
    บังกลาเทศ: ชาวโรฮิงญากำลังเผชิญกับการรักษาโรคตับอักเสบซีที่ไม่เพียงพอ
    บังกลาเทศ: ชาวโรฮิงญากำลังเผชิญกับการรักษาโรคตับอักเสบซีที่ไม่เพียงพอ
    การศึกษาขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนระบุว่าเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในคอกซ์ บาซาร์ ประเทศบังกลาเทศ ที่เข้ารับการวินิจฉัยโรคมีการติดเชื...