Skip to main content

    กาซา: ผู้บาดเจ็บหลายร้อยรายล้นโรงพยาบาลทางตอนใต้ จากการยกระดับการโจมตีจากกองทัพอิสราเอล

    Hallway at Al Aqsa hospital, Middle Area, Gaza. Palestinian Territories, November 2023. © Mohammed ABED

    โถงทางเดินของโรงพยาบาลอัล อักซอ (Al Aqsa) ทางตอนกลางของกาซา - ดินแดนปาเลสไตน์ พฤศจิกายน 2566 © Mohammed ABED

    “ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของวัน พวกเราก็ได้ยินเสียงระเบิดจากพื้นที่โดยรอบ” คาเทรียน เคลย์ส (Katrien Claeys) หัวหน้าหน่วยขององค์การฯ ในพื้นที่ทางตอนกลางของกาซาเล่า โดยหน่วยงานขององค์การฯ ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นเเพื่อรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากระเบิดและแผลไหม้ “ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 รายและบาดเจ็บมากกว่า 400 รายถูกนำตัวส่งมายังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอัล อักซอ ผู้บาดเจ็บบางส่วนต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยทันที”

    เมื่อผู้บาดเจ็บล้นทะลักพื้นที่โรงพยาบาล การให้บริการเพื่อรักษาผู้ป่วยรายอื่นที่ไม่อยู่ในสถานะวิกฤติจึงต้องเลื่อนไปก่อน

    “ผู้ป่วยบางรายมีอาการติดเชื้อและเนื้อตาย จากการที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับการทำความสะอาดแผลเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์” เคลย์สอธิบายเพิ่ม

    หน่วยปฏิบัติงานขององค์การฯ ได้ตั้งหน่วยทำแผลชั่วคราวขึ้นในโรงพยาบาลอัล อักซอ เพื่อดูแลเกี่ยวกับการทำแผลให้กับผู้ป่วยแผลเรื้อรัง บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือว่าการโจมตีที่ผ่านมา

    ฟากของโรงพยาบาลนาสเซอร์ ในเมืองข่าน ยูนิส (Khan Younis) หน่วยปฏิบัติงานขององค์การฯ ได้ดำเนินงานด้านศัลยศาสตร์ให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บและแผลไหม้ ขณะนี้ตัวเลขของผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนำไปสู่จุดที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป

    “ในทุกชั่วโมง มีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายรายถูกส่งตัวเข้ามาในโรงพยาบาล” คริส ฮุก (Chris Hook) ผู้ประสานงานทางการแพทย์ขององค์การฯ ในเมืองข่าน ยูนิสกล่าว “ด้วยเหตุผลนี้ มันไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับรองรับผู้ป่วยอีกต่อไป มันเป็นสถานการณ์ที่แย่มาก ทุกคนต่างกังวลกับอนาคต”

    A patient waiting for surgery at Al Aqsa hospital, Middle Area, Gaza. Palestinian Territories, November 2023. © Mohammed ABED

    ผู้ป่วยที่รอเข้ารับการผ่าตัดในโรงพยาบาลอัล อักซอ ทางตอนกลางของกาซา - ดินแดนปาเลสไตน์ พฤศจิกายน 2566 © Mohammed ABED

    “ผู้คนเกือบสองล้านคนไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือการหยุดยิงทันทีและถาวร รวมถึงเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นอย่างยิ่งสามารถเข้าไปถึงได้”

    กองทัพอิสราเอลออกคำสั่งให้พลเรือนในกาซาอพยพไปทางตอนใต้อีกครั้ง

    ท่ามกลางการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอลที่เคลื่อนพลไปทางใต้อย่างต่อเนื่อง ผู้คนในบางพื้นที่ตอนกลางและเมืองข่าน ยูนิสได้รับคำสั่งให้อพยพไปทางใต้และจุดผ่านแดนราฟาห์ของประเทศอียิปต์ องค์การฯ ต้องระงับปฏิบัติการทางการแพทย์ในคลินิกมาร์เทอร์ส (Martyrs) และเบนี ซูไฮลา (Beni Suhaila) จากการที่คลินิกเหล่านี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับคำสั่งอพยพ

    “รัฐบาลอิสราเอลไล่ออกคำสั่งให้ผู้คนในละแวกใกล้เคียงอพยพเพิ่มเติมทีละพื้นที่ โดยขอให้คนเหล่านั้นเคลื่อนย้ายไปยังเมืองอื่นทางตอนใต้” เจ้าหน้าที่องค์การฯ ในเมืองข่าน ยูนิส ที่กลายเป็นผู้พลัดถิ่นเล่า “ต่อให้อยู่ใต้ข้อตกลงยุติการยิง แต่ประชาชนไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านของตนเองทางตอนเหนือ มีเพียง 3-4 ย่านอยู่อาศัยเท่านั้นที่ยังคงเดินทางเข้าไปในพื้นที่ได้ และทุกย่านก็หนาแน่นไปด้วยผู้คน”

    นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้พลัดถิ่นมากกว่า 1.8 ล้านชีวิตในกาซาต้องหาแหล่งพักพิงทางตอนใต้ หลายคนต้องอพยพย้ายถิ่นฐานหลายครั้ง และสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาในปัจจุบันช่างน่าสะเทือนใจ พวกเขาไม่มีที่ไป เพราะมันไม่มีที่ไหนปลอดภัย

    การเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานและสาธารณสุข กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับผู้คนทางตอนใต้ของกาซา การออกข้อจำกัดและความเข้มงวดของการเคลื่อนย้ายจากกองทัพอิสราเอลเมื่อประกอบเข้ากับการระดมยิงและการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที และในเวลาเดียวกันก็เป็นการลดประสิทธิภาพในการทำงานขององค์การฯ ด้วยเช่นกัน

    ภายในโรงพยาบาลนาสเซอร์ ตัวเลขของผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม โดยมีการจัดตั้งศูนย์พักพิงแห่งใหม่ในทุกพื้นที่ของลานจอดรถ ผู้คนจำนวนมากต้องนอนบนพื้นด้านนอกสถานพยาบาล

    ปฏิบัติการทางทหารที่กินเวลานานหลายสัปดาห์ โดยมีการผ่อนปรน (ข้อตกลงหยุดยิง) เพียงระยะเวลาหนึ่ง แล้วจากนั้นก็ได้กลับมาใช้ระเบิดโจมตีอีกครั้ง ไม่ต่างอะไรกับการตอกย้ำระดับความรุนแรงของวิกฤตการณ์
    คริส ฮุก ผู้ประสานงานทางการแพทย์

    สนับสนุนการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินของพวกเรา

    สนับสนุนพวกเราในการส่งต่อเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยการบริจาคตอนนี้