จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในพื้นที่ กองกำลังอิสราเอลกำลังปิดล้อมและมุ่งเป้าไปยังโรงพยาบาลอินโดนีเซียน (Indonesian) โรงพยาบาลอัล อาวดา (Al-Awda) และโรงพยาบาลคามัล แอดวาน (Kamal Adwan) มีรายงานว่าผู้ป่วยกว่า 350 รายติดอยู่ภายในโรงพยาบาล ซึ่งรวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์และผู้ป่วยที่พึ่งได้รับการผ่าตัดด้วย โดยผู้ป่วยเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาแบบต่อเนื่องและไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
“เป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์ที่องค์การฯ เป็นประจักษ์พยานของการที่กองทัพอิสราเอลยกระดับความรุนแรงและปฏิบัติการตอนเหนือของฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง และผลกระทบที่เกิดขึ้นมันเลวร้ายเป็นอย่างมาก” ฮาล์ฟอร์ดกล่าว ผู้คนหลายหมื่นคนติดอยู่ภายในค่ายจาบาเลีย (Jabalia) ภายใต้เหตุระเบิดรายวัน และพวกเราไม่สามารถติดต่อพนักงานของเราจำนวน 6 คนได้ เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้งาน ในขณะที่หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของพวกเราเสียชีวิต เนื่องจากบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยกระสุนปืน “เมื่อโรงพยาบาลถูกโจมตี โครงสร้างพื้นฐานถูกทำลาย และไฟฟ้าถูกตัด ส่งผลให้ชีวิตของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ตกอยู่ในอันตราย”
ผู้คนหลายร้อยคนที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษจะต้องถูกอพยพออกไปอย่างเร่งด่วนเนื่องจากชีวิตของพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย สิ่งของจำเป็นรวมถึงอาหารที่ส่งเข้ามานั้น มีปริมาณที่ไม่เพียงพอสำหรับจำนวนประชากรในทางตอนเหนือของฉนวน
“นี่คือการลงโทษแบบเหมารวมที่กระทำกับชาวปาเลสไตน์ในกาซาอย่างแท้จริง พวกเขาจะต้องเลือกระหว่างการบังคับให้พลัดถิ่นออกจากทางตอนเหนือหรือถูกสังหาร องค์การฯ กลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีวันจบสิ้น” ฮาล์ฟอร์ดกล่าว
“สงครามอันดุเดือดของอิสราเอลในฉนวนกาซาดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด พันธมิตรของอิสราเอลมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ ซึ่งเกิดจากการสนับสนุนการก่อสงครามอย่างต่อเนื่องของพวกเขา พวกเขาจะต้องทำทุกวิธีทางสามารถกระทำได้ เพื่อหยุดยิงที่ถาวร การลงมือจะต้องไม่ผลัดเป็นวันพรุ่งนี้ หรือไม่ใช่ในอีกหนึ่งสัปดาห์ แต่ต้องเป็นตอนนี้” ฮาล์ฟอร์ดกล่าว
