กาซา: การโจมตีโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต้องยุติทันที
เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอัล ซิฟา ในฉนวนกาซากำลังช่วยชีวิตเจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอิสราเอล ด้วยเครื่องช่วยหายใจบนเปลหาม - กาซา ดินแดนปาเลสไตน์ ตุลาคม 2566 © Ali Jadallah/Anadolu via AFP
ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โรงพยาบาลในฉนวนกาซาถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลอัล ซิฟา (Al-Shifa) อันเป็นสถานพยาบาลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกาซาเองก็ถูกโจมตีหลายครั้งเช่นกัน ความเสียหายเกิดขึ้นกับพื้นที่หลายส่วนของโรงพยาบาล รวมไปถึงแผนกสูติกรรมและผู้ป่วยนอก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières - MSF) ยังคงทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มต้นความขัดแย้ง
ผู้ป่วยและทีมงานขององค์การฯ หลายร้อยคนยังคงติดอยู่ในโรงพยาบาลอัล ซิฟาระหว่างที่การสู้รบโดยรอบโรงพยาบาลยังไม่ยุติลง องค์การฯ ย้ำข้อเรียกร้องฉุกเฉินให้มีการยุติการโจมตีโรงพยาบาลทันที เพื่อปกป้องสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และผู้ป่วย
“พวกเรากำลังจะถูกฆ่าที่นี่ ได้โปรดทำอะไรสักอย่าง” พยาบาลขององค์การฯ คนหนึ่งส่งข้อความจากชั้นล่างสุดของโรงพยาบาลอัล ซิฟา อันเป็นพื้นที่ที่เขาและครอบครัวใช้หลบกำบังจากการโจมตีด้วยระเบิดติดต่อกัน “ตอนนี้มีสี่หรือห้าครอบครัวกำลังหลบซ่อนอยู่ในชั้นใต้ถุนตึก (basement) เสียงระดมยิงมันใกล้เข้ามาทุกที ลูกของฉันต่างร้องไห้และกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว”
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลอัล ซิฟาคือหายนะ องค์การฯ เรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลยุติการโจมตีระบบสาธารณสุขของกาซาอย่างไร้ความปรานี ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ขององค์การฯ ยังคงอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ สถานที่ซึ่งยังมีการโจมตีด้วยระเบิดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวาน” แอน เทย์เลอร์ (Ann Taylor) หัวหน้าภารกิจประจำดินแดนปาสเลสไตน์ขององค์การฯ กล่าว
ทีมงานขององค์การฯ กำลังรักษาชายคนหนึ่งที่ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลอัล ซิฟา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีทางอากาศ - กาซา ดินแดนปาเลสไตน์ 19 ตุลาคม 2566 © MSF
โรงพยาบาลอัล ซิฟา คือโรงพยาบาลหลักในฉนวนกาซา โดยสามารถรองรับผู้ป่วยได้สูงถึง 700 เตียง ที่นี่ให้บริการด้านการดูแลฉุกเฉินและศัลยกรรม ซึ่งตอนนี้ไม่มีสถานพยาบาลแห่งอื่นในกาซาที่สามารถรองรับและรักษาผู้ป่วยอาการบาดเจ็บรุนแรงและผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บอันเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้แล้ว จากสถานการณ์ขาดแคลนเชื้อเพลิงและการโจมตีอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลได้ปรับตัวเพื่อประคองให้การทำงานยังคงดำเนินต่อไปได้ หากเมื่อวานไฟฟ้าภายในโรงพยาบาลได้หมดลงไปแล้ว โรงพยาบาลไม่สามารถขับออกไปรับผู้บาดเจ็บได้อีกต่อไป และการโจมตีอย่างต่อเนื่องปิดทางอพยพของเจ้าหน้าที่และผู้ป่วย ขณะที่กำลังเขียนรายงานชิ้นนี้ เจ้าหน้าที่ขององค์การฯ คนหนึ่งเป็นประจักษ์พยานว่ามีการยิงพลเมืองที่พยายามหนีออกจากโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เองก็ไม่สามารถทิ้งทุกอย่างตรงหน้าไปได้ ตั้งแต่ช่วงเช้าของเมื่อวานจนถึงตอนนี้เราผ่าตัดคนไข้ไปแล้วประมาณ 25 ราย ถ้าผมหรือศัลยแพทย์คนอื่นหนีออกไปใครจะดูแลคนไข้? เรายังมีคนไข้ที่รอการผ่าตัด มีคนไข้ที่ดมยาแล้วในแผนกของเรา เราไม่มีทางปล่อยให้พวกเขานอนอยู่ข้างในแล้วหนีออกไปลำพัง ผมเป็นแพทย์ ผมสาบานที่จะทำงานเพื่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือนพ. โมฮัมเหม็ด โอบีด ศัลยแพทย์ขององค์การ
“มีคนไข้จำนวนมากที่เข้ารับผ่าตัดและอยู่ระหว่างการพักฟื้น พวกเขาไม่สามารถจะอพยพออกจากพื้นที่ด้วยตัวเอง มันจำเป็นต้องมีรถพยาบาลสำหรับการนำส่งผู้ป่วย และเราไม่มีรถพยาบาลที่จะอพยพพวกเขาได้ทั้งหมด” นพ. โมฮัมเหม็ด โอบีด (Mohammed Obeid) ศัลยแพทย์ขององค์การฯ ประจำโรงพยาบาล
องค์การฯ ประณามใบสั่งฆ่าพลเรือนที่ติดอยู่ในโรงพยาบาลอัล ซิฟา ซึ่งลงนามโดยกองทัพอิสราเอล มันจำเป็นต้องมีการยุติการโจมตีอย่างเร่งด่วนและไร้เงื่อนไขจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในสงครามครั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะต้องเกิดขึ้นทั่วทั้งพื้นที่กาซาทันที
องค์การฯ มีศัลยแพทย์ที่ทำงานและพักพิงในโรงพยาบาลอัล คุดส์ (Al-Quds) และในตอนนี้องค์การฯ ไม่สามารถติดต่อกับเขาหรือครอบครัวได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานการปิดล้อมสถานพยาบาลหลายแห่งด้วยรถถังของอิสราเอล รวมถึงโรงพยาบาลอัล รันติซี (Al Rantisi) ที่องค์การฯ เคยให้การสนับสนุนในช่วงที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ขององค์การฯ กำลังรักษาผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บบนใบหน้า ภายในโรงพยาบาลอัล ซิฟา เมืองกาซาซิตี้ - กาซา ดินแดนปาเลสไตน์ 19 ตุลาคม 2566 © Mohammad Masri
นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายพันราย จำนวนมากอยู่ในสภาวะวิกฤติและจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดนานและมีการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือว่าหลายเดือน การหยุดตัวเลขผู้บาดเจ็บจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีการยุติการโจมตีทั้งหมดและอนุญาตให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าพื้นที่ได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของพลเมืองกาซาอย่างอาหาร น้ำ และเชื้อเพลิง