ซูดาน: ร้อยละ 16 ของผู้ป่วยบาดเจ็บจากสงครามในโรงพยาบาลทางตอนใต้ของคาร์ทูมคือเด็ก
คุณแม่รายหนึ่งพาเด็กน้อยวัย 20 เดือนของเธอออกไปซื้อของด้วยกัน ขณะที่เกิดการระเบิดในละแวกเพื่อนบ้านซึ่งส่งผลให้เศษระเบิดบางส่วนกระเด็นเข้าไปในศีรษะ เด็กหญิงนิรนามรายนี้พร้อมกับผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงคาร์ทูมใต้ ระหว่างการเอ็กซ์เรย์ มีกระโหลกบางส่วนของเด็กหญิงหล่นลงบนโต๊ะ โดยทีมแพทย์ฉุกเฉินขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนจึงทำการผ่าตัดเด็กหญิงคนดังกล่าวและช่วยชีวิตเธอไว้ได้ - ซูดาน พฤศจิกายน 2567 © MSF
คาร์ทูม (Khartoum)/ บรัสเซล (Brussels) นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 พบว่าราวหนึ่งในหกของผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหลักบาร์แชร์ (Bashair Teaching Hospital)ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของคาร์ทูมเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ตามข้อมูลองค์การแพทย์ไร้พรมแดน (DoctorsWithout Borders / Médecins Sans Frontières - MSF) ผู้ป่วยจำนวนมากบาดเจ็บจากการถูกยิง จากระเบิด และแผลจากสะเก็ดระเบิด แพทย์ยังกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเด็กที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาซึ่งมีภาวะทุพโภชนาการรุนแรงอีกด้วย
คณะเจ้าหน้าที่องค์การแพทย์ไร้พรมแดนทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โดยรักษาผู้ป่วยมากกว่า 4,214 ราย ผู้ป่วยเหล่านี้บาดเจ็บจากความรุนแรงที่รวมถึงการถูกยิงและระเบิด ในจำนวนนี้ร้อยละ 16 เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โรงพยาบาลแห่งนี้นับเป็นสถานพยาบาลแห่งสุดท้ายที่ยังเปิดทำการในพื้นที่ตอนใต้ของคาร์ทูม โดยให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน การผ่าตัด และบริการการดูแลแม่ตั้งครรภ์
ริยาด (Riyad) ทารกชายวัย 18 เดือนถูกนำส่งห้องฉุกเฉินหลังโดนลูกหลงกระสุนปืนเข้าที่ด้านซ้ายของเขาขณะนอนหลับอยู่ในบ้าน คณะเจ้าหน้าที่ทุ่มเทกำลังเป็นเวลา 4 ชั่วโมงเพื่อทำให้อาการของเขาคงที่ แต่เขาเสียเลือดมาก โอกาสรอดและเสียชีวิตมีเท่ากันหมอโมอีน หัวหน้าทีมแพทย์องค์การฯ
ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถหยุดเลือดได้ แต่กระสุนยังฝังอยู่ที่หน้าอก ยังไม่ทราบว่าต้องรอนานแค่ไหนจึงจะสามารถนำกระสุนออกมาได้ โรงพยาบาลยังไม่มีความพร้อมเพียงพอสำหรับการผ่าตัดที่ซับซ้อน ปัญหานี้ส่วนหนึ่งมาจากการขัดขวางการจัดส่งอุปกรณ์การผ่าตัดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ผู้ป่วยนอกพื้นที่ที่ได้รับการส่งตัวมาที่นี่ก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเดินทางทั้งเส้นทางที่ถูกทำลาย หรืออยู่ห่างไกลเกินไปซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายระหว่างเดินทาง ริยาดคือ 1 ในเด็กจำนวน 314 รายที่ได้รับการรักษาจากเหตุยิงและระเบิดในปี 2567
การตั้งใจขัดขวางการจัดส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์และยาส่งผลให้การรักษาโรคบางโรค เช่น การรักษาแผลไฟไหม้ขั้นรุนแรงไม่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลเนื่องจากในพื้นที่นี้ไม่มีศูนย์ดูแลแผลไฟไหม้ที่อื่นที่ยังเปิดทำการแล้ว ขณะที่ประชาชนจำนวนมากขึ้นต้องตกเป็นเหยื่อเหตุการณ์ระเบิด
ช่วงปลายเดือนตุลาคม มีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บจากสงครามมากกว่า 30 ราย ที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหลักบาร์แชร์อย่างเร่งด่วนหลังเกิดเหตุระเบิดที่ตลาด ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลเพียงไม่ถึง 1 กิโลเมตร ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ป่วย 12 รายถูกนำส่งห้องฉุกเฉินและทั้งหมดนี้คือเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี หลายคนได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้และแผลชนิดอื่นๆ ทารกอายุ 20 เดือนเข้ามาด้วยแผลจากสะเก็ดระเบิดที่ฝังบริเวณศีรษะของเธอ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามวางเธอลงบนเตียงเอ็กซเรย์ ชิ้นส่วนกะโหลกชิ้นเล็กๆ ของทารกน้อยหล่นลงบนเตียง
ภาพเอกซเรย์ของริยาด วัย 18 เดือน ที่ถูกกระสุนเจาะเข้าที่หน้าอกขณะที่เขากำลังนอนหลับในกรุงคาร์ทูม เด็กน้อยถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรแพทย์ไร้พรมแดนโดยผู้ดูแล ทีมศัลยแพทย์ฉุกเฉินขององค์กรแพทย์ไร้พรมแดนเริ่มทำการผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตริยาด ศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดกล่าวว่าโอกาสที่จะมีชีวิตรอดคือ 50/50 เนื่องจากมีเลือดเสียจำนวนมาก ศัลยแพทย์สามารถช่วยชีวิตเขาได้ แต่กระสุนยังคงอยู่ แม้ว่าทีมงานจะพยายามนำกระสุนออกจากเด็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเส้นทางเข้าออกเมืองถูกปิดกั้นและคลินิกเฉพาะทางไม่เปิดให้บริการอีกต่อไป - ซูดาน พฤศจิกายน 2567 © MSF
หมอโมอีนอธิบายว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่มีผู้คนบาดเจ็บจำนวนมากและต้องเข้ารับการรักษาพร้อมกันในระยะเวลาสั้นๆ เกิดบ่อยขึ้นเนื่องจากการต่อสู้ในเมืองมีมากขึ้น และเหลือโรงพยาบาลไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังเปิดทำการอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็ทำงานอย่างยากลำบากเพื่อจัดการสิ่งที่จำเป็น
ในขณะเดียวกัน โรงพยาบาลเริ่มเห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของผู้ป่วยเด็กและหญิงตั้งครรภ์ที่เข้ารับการรักษาด้วยภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษา อาการดังกล่าวจะกลายเป็นอันตรายต่อชีวิต ในจำนวนผู้หญิงและเด็ก 4,186 รายที่เข้ารับการคัดกรองภาวะทุพโภชนาการระหว่างวันที่ 19 ตุลาคม และ 8 พฤศจิกายน 2567 มีมากกว่า 1,500 รายที่มีภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลันขั้นรุนแรง และ 400 ราย มีภาวะทุพโภชนาการในระดับปานกลาง
ตัวเลขความรุนแรงและผู้ป่วยภาวะทุพโภชนาการ ทำให้เห็นถึงฝันร้ายที่ผู้คนรวมถึงเด็กๆ ต้องเผชิญในเมืองคาร์ทูม คู่ขัดแย้งต้องให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าจะได้รับการปกป้อง และต้องอนุญาตให้มีการจัดส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เข้าไปในโรงพยาบาลในซูดาน (Sudan)แคลร์ ซาน ฟิลิปโป เจ้าหน้าที่ประสานงาน
*นามสมมติ
นับตั้งแต่ความรุนแรงได้แผ่ขยายเมื่อเดือนเมษายน 2566 มีประชากรมากกว่า 500,000 รายเข้ารับบริการทางการแพทย์กับโรงพยาบาล ศูนย์สุขภาพ และคลินิกเคลื่อนที่ทั่วซูดาน สถานพยาบาลเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์การฯ เราสนับสนุนและทำงานกับสถานพยาบาลมากกว่า 12 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งรวมถึงในคาร์ทูมซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปะทะกันรุนแรงตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2567 องค์การฯ ได้รักษาผู้ป่วยจากสงครามไปกว่า 6,557 รายในสถานพยาบาลขององค์การฯ ทั้งหมดในซูดาน ซูดานกลายเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนประชากรที่ต้องโยกย้ายพลัดถิ่นกว่า 11 ล้านคน นับเป็นวิกฤตการพลัดถิ่นครั้งใหญ่ที่สุดในความทรงจำ ปัจจุบันองค์การฯ ทำงานในพื้นที่ 11 รัฐจากจากจำนวน 18 รัฐในซูดานเพื่อสนับสนุนบริการการแพทย์โดยไม่คิดค่าบริการให้กับผู้ที่จำเป็น