Skip to main content

    ซูดาน: รายงานขององค์การฯ ตอกย้ำยอดการเสียชีวิตสูงของหญิงตั้งครรภ์และเด็กในรัฐเซาท์ ซูดาน

    Sudan report

    อันฮาร์ ฮัสซัน โมฮามัด โอมาร์ (Anhar Hassan Mohammed Omar) วัย 29 ปี จากหมู่บ้านเจอร์ตอนใต้ (Jir South) เมืองไนอาลา ขัดสนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาล เธอทำงานต่อเนื่อง 16 ชั่วโมงตลอดช่วงตั้งครรภ์เพื่อให้มีรายได้ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและค่าอาหาร หลังจากผ่าคลอดที่โรงพยาบาลหลักเมืองไนอาลา เธอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อเจ้าหน้าที่ และสังเกตว่าสตรีมีครรภ์จำนวนมากขาดการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม © Abdoalsalam Abdallah/MSF

    ไนอาลา (Nyala)/อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) 25 กันยายน องค์การพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières/Doctors Without Borders - MSF)  เปิดเผยรายงานซึ่งระบุหนึ่งในภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพของแม่และเด็กที่เลวร้ายที่สุดในโลกที่เกิดขึ้นในรัฐเซาท์ ซูดาน (South Darfur) ประเทศซูดาน โดยสตรีระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และหลังคลอด รวมถึงเด็กกำลังจะเสียชีวิตจากสภาวะที่สามารถป้องกันได้หากได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีเนื่องความต้องการการช่วยเหลือด้านสุขภาพของพวกเขามากเกินกว่าที่องค์การฯ จะสามารถรับมือได้

    เพื่อให้วิกฤตได้รับการแก้ไข องค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในรัฐดาร์ฟูร์อย่างเด็ดขาด องค์การสหประชาชาติต้องเร่งส่งเจ้าหน้าที่และหน่วยงานต่างๆ ขององค์การสหประชาชาติกลับไปยังรัฐดาร์ฟูร์ รวมทั้งใช้ทรัพยากรและการเจรจาหาทางออกผ่านช่องทางการเมืองเพื่อให้ความช่วยเหลือส่งถึงมือผู้ที่เดือดร้อน ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดความอดอยากครั้งใหญ่และทุกข์ร้อนของผู้คนนับล้าน มีเพียงการประสานความช่วยเหลือระดับนานาชาติ ที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนที่เพียงพอ และการกดดันอย่างต่อเนื่องกับคู่สงครามเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาได้

    เป็นวิกฤตที่ต่างกับครั้งอื่นๆ ที่ฉันเคยพบเจอในอาชีพการงานของฉัน เหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพหลายครั้งเกิดขึ้นพร้อมกันโดยแทบจะไม่มีการตอบสนองระหว่างประเทศจากองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานอื่นๆ ทารกแรกเกิด สตรีมีครรภ์ และมารดามือใหม่กำลังจะเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก การเสียชีวิตเหล่านี้เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ แต่สถานการณ์กำลังแย่ลงอย่างมาก
    ดร. กิลเลียน เบอร์คาร์ด
    Sudan report 3

    ฟาดิลา โมฮาหมัด ฮับดุลลาห์ (Fadila Mohammed Abdullah) อายุ 28 ปี อาศัยอยู่ในเมืองไนอาลา เธอมาตรวจสุขภาพและรับบริการด้านสุขภาพที่โรงพยาบาลหลักในเมืองไนอาลาเป็นประจำ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีบริการทางการแพทย์ครบครัน © Abdoalsalam Abdallah/MSF

    ในรัฐเซาท์ ซูดานนับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม มีมารดาเสียชีวิตแล้วจำนวน 46 ราย ภายในโรงพยาบาลหลักเมืองไนอาลา และ โรงพยาบาลคาสรูรัล (Kas Rural Hospital)  ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่องค์การฯ ให้การดูแลด้านสูติกรรมและบริการอื่นๆ การที่สถานพยาบาลไม่พร้อมใช้งานและค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูง ส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์จำนวนมากมาโรงพยาบาลเมื่ออยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว ร้อยละ 78 ของมารดาที่เสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์ทั้งหมด 46 รายนั้น เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังเข้ารับการรักษา

    ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของมารดาที่พบบ่อยที่สุดในสถานพยาบาลทุกแห่งที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การฯ ในรัฐเซาท์ ซูดาน การขาดแคลนสถานพยาบาลที่พร้อมให้บริการทำให้หญิงตั้งครรภ์ต้องคลอดลูกในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขอนามัย ขาดแคลนของใช้พื้นฐาน เช่น สบู่ ผ้าปูรองคลอดที่สะอาด และอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ หากไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือพื้นฐานเหล่านี้ หญิงตั้งครรภ์อาจติดเชื้อได้ และเนื่องจากยาปฏิชีวนะมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอ เมื่อพวกเขาสามารถเดินทางไปยังโรงพยาบาลได้พบว่าไม่มีทางเลือกในการรักษา

    ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ซึ่งอาศัยในพื้นที่ชนบทใช้เวลาหาเงินสองวันเพื่อรวบรวมไว้ใช้ในการรักษาพยาบาล เมื่อเธอเดินทางไปถึงศูนย์สุขภาพแล้วกลับพบว่าที่นั่นไม่มียา เธอจึงต้องกลับบ้าน หลังผ่านไปสามวัน อาการของเธอก็แย่ลง แต่เธอต้องรออีกห้าชั่วโมงเพื่อเดินทางกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง เธออยู่ในอาการโคม่าแล้วเมื่อมาถึงมือเรา เธอเสียชีวิตจากการติดเชื้อที่สามารถป้องกันได้หากรักษาได้ทัน
    มาเรีย ฟิกซ์ หัวหน้าทีมแพทย์

    วิกฤตในรัฐเซาท์ ซูดาน ลุกลามไปถึงเด็กหลายพันคนที่จวนเจียนเสียชีวิตและอดอยาก ขณะที่เด็กอีกมากกำลังเสียชีวิตด้วยสภาวะที่สามารถป้องกันได้ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2567 มีทารกแรกเกิด 48 รายเสียชีวิตจากการติดเชื้อในโรงพยาบาลหลักเมืองไนอาลาและโรงพยาบาลคาสรูรัล ซึ่งหมายถึงทารกแรกเกิด 1 ใน 5 คนติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิต

    ในเดือนสิงหาคม เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีจำนวน 30,000 คนในรัฐเซาท์ ซูดาน ได้รับการตรวจคัดกรองภาวะทุพโภชนาการ ในจำนวนนี้พบว่าร้อยละ 32.5 มีภาวะขาดสารอาหารเฉียบพลัน ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 15 นอกจากนี้ เด็กที่ได้รับการตรวจคัดกรองร้อยละ 8.1 มีภาวะขาดสารอาหารเฉียบพลันขั้นรุนแรง

    เมืองไนอาลา เมืองหลวงของรัฐเซาท์ ซูดาน เป็นศูนย์กลางที่ตั้งองค์กรด้านมนุษยธรรมหลายแห่งมาก่อนสงครามเริ่ม แต่นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้น องค์กรส่วนใหญ่ยังไม่กลับเข้าพื้นที่ทำงาน ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ระหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติในเมืองนี้ องค์การแพทย์ไร้พรมแดนเป็นองค์กรระหว่างประเทศเพียงองค์กรเดียวที่ยังอยู่ในพื้นที่ ช่วง ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม ทีมงานองค์การฯ ในรัฐเซาท์ ซูดานให้คำปรึกษาก่อนและหลังคลอด 12,600 ครั้ง และช่วยเหลือการคลอดกรณีปกติและกรณีซับซ้อนไปแล้วกว่า 4,330 ครั้ง

    Sudan report 4

    อันฮาร์ ฮัสซัน โมฮามัด โอมาร์ (Anhar Hassan Mohammed Omar) วัย 29 ปี อาศัยอยู่ในย่านเจอร์ตอนใต้ของ เมืองไนอาลา เคยทำงานต่อเนื่อง 16 ชั่วโมระหว่างตั้งครรภ์จนกระทั่งอายุครรภ์ครบ 9 เดือนเพื่อหาค่าเงินรักษาพยาบาลและค่าอาหาร  © Abdoalsalam Abdallah/MSF

    Sudan report 5

    หลังจากที่ อันฮาร์ ฮัสซัน โมฮามัด โอมาร์มาร์ (Anhar Hassan Mohammed Omar) วัย 29 ปี เดินทางถึงโรงพยาบาลหลักเมืองไนอาลา เธอเข้ารับการผ่าคลอดและได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่จำเป็น อันฮาร์ตั้งข้อสังเกตว่าหญิงตั้งครรภ์จำนวนมากขาดการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เธอแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล © Abdoalsalam Abdallah/MSF

    Sudan report 6

    ฟาตูม อับเดลคาริม (Fatoum Abdelkarim) อายุ 30 ปี จากเมืองไนอาลา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือน เธอเผชิญปัญหาค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์และค่าเดินทางไปพบแพทย์ที่สูงเกินกำลัง ในที่สุดเธอก็หาทางไปถึงโรงพยาบาลหลักเมืองไนอาลาจนได้ ปัจจุบันเธอได้รับการรักษาพยาบาลเป็นประจำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย © Abdoalsalam Abdallah/MSF

    ดร. เบิร์กฮาร์ดต์ (Dr. Burkhardt) ผู้เคยทำงานในรัฐนอร์ท ดาร์ฟูร์ (North Darfur) ก่อนที่จะได้รับมอบหมายงานในรัฐเซาท์ ซูดาน อธิบายว่าวิกฤตการณ์ที่เกี่ยวข้องกันทั่วทั้งซูดานทวีความรุนแรงขึ้นจนทำให้เกิดความขาดแคลนและทุกข์ทรมานอย่างสาหัสโดยที่แทบไม่ได้รับความช่วยเหลือเท่าใดนัก

    ช่องว่างระหว่างความต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพ อาหารและบริการขั้นพื้นฐาน กับการไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องสำหรับการช่วยเหลือเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตเหล่านี้ในระดับนานาชาติที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่น่าอับอาย เราขอเรียกร้องให้ผู้บริจาค องค์การสหประชาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ เพิ่มเงินทุนอย่างเร่งด่วนตลอดจนขยายและจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับโครงการด้านสุขภาพและโภชนาการของมารดา เราทราบว่าการทำงานที่ซูดานนั้นท้าทาย แต่การรอคอยให้วิกฤตคลี่คลายไปเองนั้นแทบจะไม่มีหนทาง แม้ว่ามันเป็นเรื่องที่สายเกินไปแล้วสำหรับมารดาและเด็กอีกหลายคน แต่ต้องมีการจัดการความเสี่ยงและหาทางแก้ไขก่อนที่จะสูญเสียชีวิตไปมากกว่านี้
    ดร. เบิร์กฮาร์ดต์ (Dr. Burkhardt)

    ความขัดแย้งยังก่อให้เกิดวิกฤตสุขภาพมารดาและเด็ก เนื่องจากต้องพลัดถิ่นและตกอยู่ภายใต้ความรุนแรง การขาดแคลนเสบียงรุนแรงขึ้นจากที่ฝ่ายคู่สงครามซึ่งร่วมกับกลุ่มติดอาวุธยังคงปิดกั้นหรือจำกัดการเข้าถึงความช่วยเหลือที่จะช่วยรักษาชีวิต

    วิกฤตครั้งนี้มีความเสี่ยงที่จะทำให้หลายครอบครัวติดอยู่ในวงจรภาวะทุพโภชนาการ ความเจ็บป่วย และสุขภาพที่ย่ำแย่ที่ยืดเยื้อสืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

    ผู้ดูแลผู้ป่วยยังได้อธิบายว่าการเสียชีวิตของมารดาและภาวะทุพโภชนาการมีความสัมพันธ์กันในครอบครัวอย่างไร

    "มารดาของฝาแฝดเสียชีวิตจากการตกเลือดอย่างรุนแรง ทิ้งลูกอีก 8 คนไว้ข้างหลัง ฉันกับสามีพยายามดูแลเด็กๆ ...พวกเรามีรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว ตอนนี้มีสมาชิกในบ้านถึง 13 คนแล้ว เรากำลังลำบาก เรากินข้าวต้มใส่ซอสกับเกลือนิดหน่อย น้ำมันก็มีแค่นิดเดียวหรือไม่มีเลย กับผักใบเขียว"