Skip to main content

    กาซา: ผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาลกำลังนับถอยหลังสู่ความตาย

    Ambulances carrying victims of Israeli strikes crowd the entrance to the emergency ward of the Al-Shifa hospital in Gaza City on October 15, 2023. Palestinian Territories, October 2023. © Dawood Nemer/AFP

    รถพยาบาลนำผู้บาดเจ็บส่งไปยังแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอัล-ชิฟา (Al-Shifa) ในเมืองกาซา ดินแดนปาเลสไตน์ ตุลาคม 2566 © Dawood Nemer/AFP

    สถานการณ์ของโรงพยาบาลในกาซา

    นับตั้งแต่อิสราเอลออกคำสั่งให้มีการอพยพ ประชาชนมากกว่าหนึ่งล้านคนถูกบีบให้ต้องเลือกระหว่างจะยังคงอยู่อาศัยในพื้นที่หรือจะหนีออกจากพื้นที่ลงไปยังทางตอนใต้ของฉนวนกาซา สำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ นี่คือทางแยกระหว่างการทิ้งผู้ป่วยให้เผชิญชะตากรรมเพียงลำพังหรือจะยังคงทำงานต่อไปโดยไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีชีวิตอยู่หรือไม่

    สำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ขององค์การฯ ที่เลือกการอยู่ในพื้นที่และยังคงทำงานต่อไป องค์การฯ ได้ติดต่อกับทีมงานจากกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะในโรงพยาบาลอัล ซิฟา (Al-Shifa) ในเมืองกาซา สถานที่ซึ่งองค์การฯ ทำการดูแลผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ไฟไหม้มานานหลายปี ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ขององค์การฯ ประสบชะตากรรมร่วมกับประชาชนในพื้นที่กาซา พวกเขาใช้ชีวิตท่ามกลางการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องตลอด 10 กว่าวันที่ผ่านมา เพื่อนร่วมงานขององค์การฯ บอกว่านับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากการโจมตี เพื่อนแพทย์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จำนวนมากเสียชีวิต

    ทีมงานขององค์การฯ รายงานว่ามีผู้บาดเจ็บรายใหม่ราว 800-1,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขเฉพาะประชาชนที่สามารถเดินทางมายังโรงพยาบาลได้เท่านั้น สำหรับข้อจำกัดในการเดินทางมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขาดแคลนน้ำมันสำหรับเติมเครื่องยนต์ หรือว่าจะเป็นเรื่องของเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตรายจากการโจมตีด้วยระเบิด มีเพียงผู้ป่วยวิกฤติเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ นับตั้งแต่ความขัดแย้งอุบัติขึ้น ตัวเลขผู้บาดเจ็บทะยานมากกว่า 9,700 คนแล้ว องค์การฯ เชื่อว่าผู้บาดเจ็บทั้งหมดกำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้

    สถานการณ์ของระบบสาธารณสุขในกาซา

    ระบบสาธารณสุขภายในกาซาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไม่สามารถรักษาผู้คนหรือรับมือกับผู้ป่วยรายใหม่ได้อย่างเหมาะสมอีกต่อไป โรงพยาบาลขาดแคลนบุคลากร ยารักษาโรค รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทุกอย่างกำลังย่ำแย่ลงทุกวินาที มีผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บสาหัสหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง แผลไฟไหม้ และแขนขาหัก

    ปัจจุบันโรงพยาบาลหลักของกาซาอย่างโรงพยาบาลอัล ซิฟา กำลังรองรับผู้คนหลายพันคนที่รวมตัวกันเพื่อหาพื้นที่ปลอดภัยจากการโจมตีด้วยระเบิดยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ไม่กี่แห่งที่ยังคงมีไฟฟ้าใช้ อย่างไรก็ตามเชื้อเพลิงเหลือเพียงพอสำหรับต่อสายป่านอีกเพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น

    กล่าวโดยสรุป หากพ้น 24 ชั่วโมงข้างหน้าและโรงพยาบาลตกอยู่ในภาวะที่ไม่มีไฟฟ้า ผู้ป่วยจำนวนมากจะเสียชีวิตลง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ผู้ป่วยหนัก และทารกแรกเกิด ในส่วนของผู้ป่วยเรื้อรัง จำพวกเบาหวาน มะเร็ง และสตรีมีครรภ์ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการขาดแคลนยารักษาโรค

    ความเป็นอยู่ของประชากรทางตอนใต้ของกาซา

    การเข้าถึงน้ำอุปโภคอุปโภคคือข้อกังวลใหญ่ที่สุดขององค์การฯ จากการประมาณการ เวลานี้ผู้คนราว 1 ล้านคน หรือนับได้ประมาณ 60% ของพลเมืองในพื้นที่กาซา กำลังไร้ที่พักอาศัยโดยไม่สามารถเข้าถึงน้ำและการรักษาพยาบาล คลินิกปิดทำการ ไม่มีพื้นที่สำหรับให้บริการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน สุขภาวะโดยรวมเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นย่ำแย่

    นอกจากส่วนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว องค์การฯ เห็นความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะเจ็บป่วยระลอกใหม่ อันเกี่ยวโยงกับสภาพการอยู่อาศัยอันแร้นแค้น เช่น โรคท้องร่วง การติดเชื้อทางเดินหายใจและผิวหนัง ภาวะขาดน้ำ โดยโรคเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อกลุ่มผู้เปราะบาง รวมถึงผู้หญิงและเด็ก พลเมืองมากกว่าครึ่งหนึ่งภายในกาซาคือเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งตอนนี้ไม่มีระบบสาธารณสุขใดคอยดูแลรักษาพวกเขา

    การสนับสนุนทางการแพทย์ที่ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น

    การที่โรงพยาบาลสามารถกลับมาดำเนินการได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ซึ่งหากจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการให้คำมั่นและรับประกันว่าจะมีการหยุดการโจมตี เพื่อให้การลำเลียงยาและเชื้อเพลิงจำนวนมหาศาลเกิดขึ้น เพราะหากไม่มียารักษา ทุกบริการสาธารณสุขย่อมเป็นอัมพาต อย่างเช่น ศัลยแพทย์ที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดผู้บาดเจ็บได้เลยหากไม่มียาชา

    การสนับสนุนด้านมนุษยธรรมจำเป็นต้องเกิดขึ้นโดยทันที เพื่อต่อชีวิตให้กับผู้พลัดถิ่นมากกว่าหนึ่งล้านคน พวกเขาต้องสามารถเข้าถึงน้ำและบริการสาธารณสุข รวมถึงการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน ก่อนที่สุขภาพของพวกเขาจะย่ำแย่ไปมากกว่านี้