Skip to main content

    กาซา: องค์การฯ เรียกร้องการคุ้มครองเพื่ออพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลนาสเซอร์

    Surgical team working in operating room at Nasser hospital, Khan Younis.

    หน่วยศัลยศาสตร์ของโรงพยาบาลนาสเซอร์ เมืองข่าน ยูนิส ในกาซา - ดินแดนปาเลสไตน์ พฤศจิกายน 2566 © MSF

    จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ (United Nations / UN) ยังคงมีผู้ป่วยราว 130 รายและบุคลากรสุขภาพอย่างน้อย 15 รายอยู่ภายในโรงพยาบาลที่ไร้ไฟฟ้า อาหารมีปริมาณจำกัด และน้ำอุปโภคบริโภคก็กำลังหมดลง โดยทางองค์การสหประชาชาติได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอาการวิกฤติจำนวน 32 รายออกจากพื้นที่ และพยายามที่จะอพยพผู้คนที่เหลืออยู่ในช่วงเวลานี้ องค์การฯ มีความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของผู้ป่วยเหล่านี้เป็นอย่างยิ่งและเรียกร้องให้มีการอพยพอย่างปลอดภัยสำหรับพวกเขา หน่วยงานขององค์การฯ ในโรงพยาบาลอัล อักซอ (Al-Aqsa) และโรงพยาบาลภาคสนามราฟาห์ อินโดนีเซียน (Rafah Indonesian) ได้เตรียมการรองรับผู้ป่วยเหล่านี้เป็นที่เรียบร้อยหากมีการร้องขอความช่วยเหลือ

    ในช่วงเช้าของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีการโจมตีด้วยกระสุนปืนบริเวณแผนกศัลยกรรมกระดูกของสถานพยาบาล ส่งผลให้แผนกตกอยู่ในความโกลาหล มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้หากยังไม่สามารถระบุตัวเลขที่ชัดเจนได้ เจ้าหน้าที่ขององค์การฯ จำเป็นต้องหลบออกมาอยู่นอกบริเวณตึกขณะที่ยังคงมีผู้ป่วยอาการวิกฤติจำนวนหนึ่งอยู่ภายในโรงพยาบาล และเนื่องจากการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภาคสนามเต็มไปด้วยความยากลำบาก องค์การฯ ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วยที่ยังคงอยู่ภายในโรงพยาบาลและสถานการณ์ล่าสุดของพวกเขา

    จากการโจมตีอย่างรุนแรงรอบพื้นที่โรงพยาบาลที่ต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ป่วย และผู้พลัดถิ่นถูกกักขังอยู่ในบริเวณตึกของโรงพยาบาลโดยพฤตินัย รวมถึงสามารถเข้าถึงปัจจัยที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตได้อย่างจำกัด ในขณะเดียวกันการโจมตีดังกล่าวก็ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยระเบิดอย่างหนักหน่วงในเมืองข่าน ยูนิส ไม่สามารถเดินทางมาเข้ารับการรักษาฉุกเฉินที่โรงพยาบาลได้เช่นกัน

    แม้ว่าจะผ่านการโจมตีครั้งล่าสุดมาแล้วถึง 4 วัน แต่องค์การฯ ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ 2 รายที่อยู่ภายในโรงพยาบาลระหว่างการโจมตีได้ โดยรายที่หนึ่งไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่เกิดการโจมตี และอีกรายถูกคุมขังอยู่บริเวณจุดตรวจสอบของกองทัพอิสราเอลระหว่างที่พยายามเดินทางออกจากโรงพยาบาลนาสเซอร์ องค์การฯ ได้ทำการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ภาครัฐอิสราเอลเพื่อสอบถามถึงข้อมูลเพิ่มเติม และองค์การฯ เรียกร้องให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพและความปลดอดภัยของพวกเขา

    สถานการณ์ในโรงพยาบาลนาสเซอร์เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างล่าสุด ที่สะท้อนว่าระหว่างสงครามยังคงดำเนินต่อไป สถานพยาบาลต่างกำลังถูกทำลายลงทีละแห่ง แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการบอกกล่าวในตอนแรกว่าให้อยู่ภายในโรงพยาบาล แต่ในท้ายที่สุดทั้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วยก็ตกอยู่ในอันตรายภายในพื้นที่ที่พวกเขาควรได้รับการคุ้มครอง องค์การฯ ขอย้ำอีกครั้งว่าการกระทำเหล่านี้มีราคาที่ต้องจ่าย
    กิลเมตต์ โธมัส ผู้ประสานงานการแพทย์

    ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ กองทัพอิสราเอลได้ออกคำสั่งอพยพไปยังผู้พลัดถิ่นหลายพันชีวิตที่พักพิงอยู่ภายในโรงพยาบาลนาสเซอร์ รวมถึงแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วยจะยังสามารถอยู่ภายในโรงพยาบาลต่อไปได้ ด้วยเงื่อนไขผู้ดูแลหนึ่งคนต่อผู้ป่วยหนึ่งราย อย่างไรก็ตาม พลเมืองจำนวนมากต่างหวาดกลัวการเดินทางออกไปออกโรงพยาบาลเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพ เพราะเคยเกิดเหตุการณ์การใช้กระสุนปืนในการโจมตีพื้นที่ตึกของโรงพยาบาลโดยตรง รวมถึงการเล็งเป้าหมายการยิงไปที่ผู้คนที่พยายามหลบออกจากตึก

    เมื่อสถานพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดในพื้นที่ทางตอนใต้ของกาซา อย่างโรงพยาบาลนาสเซอร์ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องจากปฏิบัติการณ์ทางการทหารของกองทัพและการต่อสู้อย่างหนักหน่วงรอบพื้นที่ การดำเนินงานเพื่อให้บริการทางการแพทย์ก็ไม่สามารถให้บริการได้อีกต่อไป ระบบสาธารณสุขของกาซาเรียกได้ว่าแทบจะไร้ประสิทธิภาพในการทำงานอย่างสิ้นเชิง ผู้คนมากกว่าหนึ่งหมื่นชีวิตไม่เพียงบาดเจ็บ แต่จำนวนมากกลายเป็นผู้พิการตลอดชีวิต นอกจากนี้การให้บริการทางการแพทย์ที่เหมาะสมและต่อเนื่องเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยในเวลานี้

    การโจมตีสถานพยาบาลทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และผู้ป่วยต้องหยุดลง องค์การฯ เรียกร้องอีกครั้งให้มีการหยุดยิงทันทีและถาวรในกาซา เพื่อรักษาชีวิตของพลเมืองและเพื่อให้ความช่วยเหลือสามารถเข้าไปในพื้นที่กาซาได้

    สนับสนุนการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินของพวกเรา

    สนับสนุนพวกเราในการส่งต่อเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยการบริจาคตอนนี้