กาซา: ผู้พลัดถิ่นต่างเคว้งคว้างหลังถูกบังคับอพยพออกจากโรงพยาบาลนาสเซอร์
ผู้คนหลายพันชีวิตต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่พักพิงทางตอนใต้ของกาซา - พื้นที่ปาเลสไตน์ พฤศจิกายน 2566 © MSF
องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders/Médecins Sans Frontières - MSF) ประนามการตัดสินใจของกองทัพอิสราเอลอย่างรุนแรง จากการออกคำสั่งอพยพให้ผู้พลัดถิ่นมากกว่าหนึ่งพันชีวิตที่หลบภัยอยู่ภายในโรงพยาบาลนาสเซอร์ (Nasser) เมืองข่าน ยูนิส (Khan Yunis) ซึ่งเป็นสถานพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของกาซา
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ กองทัพอิสราเอลได้ทำลายประตูทางทิศเหนือของโรงพยาบาลและออกคำสั่งให้ผู้พลัดถิ่นโยกย้ายออกด้วยเส้นทางนี้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วยได้รับการบอกกล่าวว่าพวกเขาสามารถรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปได้ แต่มีข้อจำกัดคือให้มีผู้ดูแลหนึ่งคนต่อคนไข้หนึ่งรายเท่านั้น เจ้าหน้าที่องค์การฯ ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในตึกหลังนี้ และดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะตกอยู่ใต้สถานการณ์ที่แทบจะขยับตัวเพื่อดำเนินปฏิบัติการทางการแพทย์ไม่ได้
ภายหลังจากการโจมตีอย่างรุนแรงยาวนานหลายสัปดาห์ในพื้นที่ใกล้เคียงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ป่วย และผู้พลัดถิ่นตกอยู่ในสภาวะที่ถูกกังขังอยู่ภายในอาคาร โดยแทบไม่มีช่องทางในการเข้าถึงปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ผู้คนจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยระเบิดอย่างรุนแรงในเมืองข่าน ยูนิส ไม่สามารถเข้าถึงโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาฉุกเฉินได้
สืบเนื่องจากข้อมูลที่ได้รับจากทีมงานองค์การฯ หลายวันที่ผ่านมามีผู้คนถูกสังหารอย่างน้อย 5 รายและมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 10 รายจากกระสุนปืนที่เล็งเป้ามาภายในโรงพยาบาลโดยตรง
ผู้คนถูกบีบให้ตกอยู่ใต้สถานการณ์ที่ยากเกินกว่าจะจินตนาการ ระหว่างการเป็นเป้าหมายถัดไปในการโจมตีเนื่องจากเลือกขัดขืนไม่ทำตามคำสั่งของกองทัพอิสราเอลแล้วยังคงอยู่ในโรงพยาบาลนาสเซอร์ต่อไป หรือจะเดินออกไปข้างนอกพื้นที่เพื่อเผชิญกับบ้านเมืองที่ล่มสลายทุกหย่อมหญ้า พื้นที่ที่การโจมตีด้วยระเบิดและการออกคำสั่งให้อพยพกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน โรงพยาบาลต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย และไม่มีการออกคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่ตั้งแต่แรกลิซ่า มาไชเนอร์ ผู้ประสานงานโครงการ
ผู้พลัดถิ่นส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลนาสเซอร์ได้เดินทางออกนอกพื้นที่ตามคำสั่งอพยพ และชาวกาซานับพันรายกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตนี้ต่ออีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถเดินทางกลับไปยังพื้นที่ทางตอนเหนือของกาซาที่ส่วนใหญ่ถูกทำลายลง รวมถึงมีการตั้งจุดผ่านทางเพื่อจำกัดไม่ให้ผู้คนและเสบียงสามารถเดินทางเข้าไปในพื้นที่ได้ ส่วนทางตอนใต้ของกาซา กองทัพอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศและมีการประกาศยกระดับทางการทหารภาคพื้นดินในบริเวณเมืองราฟาห์ (Rafah) ซึ่งมีผู้คนราว 1.5 ล้านคนอาศัยอยู่
“ผู้คนต่างตั้งคำถามกับองค์การฯ ว่า ‘พื้นที่ปลอดภัยอยู่ที่ไหน พื้นที่ไหนที่พวกเขาควรจะเดินทางไปต่อ’ และเมื่อมันไม่มีคำถามสำหรับคำถามเหล่านั้น สิ่งที่ตามมาคือความสิ้นหวัง ผู้คนไม่รู้ว่าพวกเขาควรทำอย่างไรต่อไปอีกแล้ว ชีวิตของพวกเขาถูกล้อมด้วยความไม่ปลอดภัยและหวาดระแวงว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร” ลิซ่าเสริม
นับตั้งแต่สงครามในกาซาเริ่มต้นขึ้น การบังคับให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วยอพยพออกจากสถานพยาบาลเกิดขึ้นอย่างน้อย 9 ครั้ง หลังจากที่มีการโจมตีโดยรถถัง ปืนใหญ่ เครื่องบินรบ พลซุ่มยิง และพลทหารภาคพื้นดิน และอีกหลายครั้งตกเป็นเป้าหมายของคำสั่งการอพยพ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วยถูกจับกุม ข่มขู่ และ สังหาร การจัดเตรียมการรักษาพยาบาลและขยายขอบเขตความช่วยเหลือในการช่วยชีวิตกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากความรุนแรงของการโจมตีด้วยระเบิดและกระสุนปืน รวมถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดของกองทัพอิสราเอล
ทุกฝ่ายในสงครามต้องเคารพและไม่ขัดขวางการเข้าถึงสถานพยาบาล รวมถึงพื้นที่โดยรอบเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วย
องค์การฯ ยังคงยืนยันคำเรียกร้องสำหรับการหยุดยิงโดยทันที ซึ่งจะช่วยชีวิตพลเมืองเอาไว้ รวมถึงอนุญาตให้ปัจจัยพื้นฐานและอาหารสามารถเข้าไปยังพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ และการฟื้นฟูระบบบริการสุขภาพซึ่งจะต่อชีวิตผู้คนในกาซาต่อไป
สนับสนุนการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินของพวกเรา
สนับสนุนพวกเราในการส่งต่อเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยการบริจาคตอนนี้