ความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงการเข้าถึงการตรวจวัณโรค เพื่อรองรับการเปิดตัวการรักษาวัณโรคดื้อยาที่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า และใช้เวลาน้อยกว่า
ผู้ป่วยรายหนึ่งกับหลานสาวของเธอที่วอร์ดผู้ป่วยหญิงของโรงพยาบาลวัณโรคดื้อยา (DR-TB) ขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนใน Kandahar อัฟกานิสถาน 2022 © Lynzy Billing
องค์การแพทย์ไร้พรมแดน เรียกร้องให้รัฐบาลและผู้บริจาคเดินหน้าสนับสนุนการเข้าถึงการรักษาวัณโรคดื้อยา (DR-TB) โปรแกรมใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า ปลอดภัยกว่า และใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่า*
เนื่องในวันวัณโรคโลก องค์การแพทย์ไร้พรมแดนร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกร้องให้ Cepheid บริษัทวินิจฉัยโรคในสหรัฐฯ ปรับลดราคาชุดตรวจหาเชื้อวัณโรค GeneXpert เพื่อให้ผู้ป่วย DR-TB สามารถเข้าถึงการวินิจฉัยได้ทันเวลา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเข้ารับการรักษาในโปรแกรมที่ใช้ระยะเวลาที่สั้นลงและปลอดภัยยิ่งขึ้น
WHO ได้ออกหลักเกณฑ์ใหม่ในเดือนธันวาคม 2022 โดยแนะนำให้ประเทศต่างๆ ใช้สูตรยาใหม่อย่าง BPaLM* ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ปลอดภัยกว่า และใช้เวลาในการรักษาผู้ป่วย DR-TB ราว 6 เดือน ซึ่งนับว่าดีกว่าสูตรการรักษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งใช้เวลานานกว่า ทั้งยังทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผู้ป่วย
“สำหรับฉัน ทุกอย่างในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาวนเวียนอยู่กับการรักษาวัณโรค” Maria (นามสมมติ) กล่าว เธอเข้ารับการรักษาที่ยาวนานถึง 2 ปีซึ่งไม่สามารถรักษา DR-TB ของเธอให้หายขาดได้ กระทั่งเธอได้รับการรักษาด้วยยา BPaLM ในเบลารุส “การใช้ชีวิตระหว่างการรักษาแบบเดิมเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่ใช้เฉพาะฉันเท่านั้นที่รู้สึกสิ้นหวัง แต่หมายรวมถึงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทุกคนด้วย ถ้าฉันได้เริ่มโปรแกรมการรักษาแบบใหม่ด้วยหลักสูตรระยะสั้นตั้งแต่ตอนนั้น ชีวิตของฉันก็คงจะแตกต่างออกไป"
การเข้าถึงการตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่สั้นกว่า ปลอดภัยกว่า และถูกกว่า
การเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยหาเชื้อวัณโรคดื้อยา เป็นหนึ่งในอุปสรรคหลักในการประยุกต์ใช้สูตรการรักษา DR-TB ที่ปลอดภัยกว่าในระยะเวลาที่น้อยกว่า
ปัจจุบัน การทดสอบ GeneXpert MTB/RIF ซึ่งจัดทำโดยบริษัท Cepheid ของสหรัฐฯ เป็นการวินิจฉัยในระดับโมเลกุลอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในหลายประเทศทั่วโลก เพื่อตรวจหาการดื้อยาไรแฟมพิซิน ทั้งนี้ จากผลงานวิจัยขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนพบว่า Cepheid มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า 5 เหรียญสหรัฐฯ ในการผลิตชุดตรวจหาเชื้อวัณโรค 1 ชุด แต่บริษัทยังคงราคาชุดทดสอบไว้ที่ 9.98 เหรียญสหรัฐฯ มานานกว่าทศวรรษ
ประเทศต่างๆ ควรเริ่มใช้ BPaLM เพื่อรักษา DR-TB เป็นระยะเวลา 6 เดือน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าการทดสอบ GeneXpert MTB/RIF มีอยู่ทั่วประเทศ หรือมีทางเลือกอื่นๆ ที่ได้รับการรับรองโดย WHO เช่น การทดสอบ Truenat MTB/RIF เพื่อตรวจหาวัณโรคและการดื้อยาไรแฟมพิซิน เพื่อให้ผู้ที่มี DR-TB สามารถได้รับการรักษานี้ได้ทันท่วงที
“เราขอเรียกร้องให้ Cepheid ปรับลดราคาชุดตรวจหาเชื้อวัณโรค GeneXpert ให้เหลือไม่เกิน 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อชุด เพื่อให้ผู้ป่วย DR-TB สามารถเข้าถึงการวินิจฉัยได้ทันเวลา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเข้ารับการรักษาในโปรแกรมที่ใช้ระยะเวลาที่สั้นลงและปลอดภัยยิ่งขึ้น" Stijn Deborggraeve ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ประจำองค์การแพทย์ไร้พรมแดน กล่าว
ในทำนองเดียวกัน ควรมีการปรับราคายาให้ถูกลงเช่นกัน สิ่งที่จะช่วยได้ คือ โครงการรักษาวัณโรคระดับชาติที่เปิดตัวยาเหล่านี้ เพื่อรองรับความต้องการจากผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะนี้ราคาต่ำสุดของยาที่ใช้ในการรักษา DR-TB อยู่ที่ 570 เหรียญสหรัฐฯ และองค์การแพทย์ไร้พรมแดนได้เรียกร้องให้มีการปรับราคาลง ซึ่งรวมถึงยา BPaLM ให้มีราคาไม่เกิน 500 เหรียญสหรัฐฯ
ด้าน 5 ประเทศที่องค์การแพทย์ไร้พรมแดนได้ส่งมอบความช่วยเหลือทางการแพทย์อยู่ ได้แก่ เบลารุส อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน เซียร์ราลีโอน และปากีสถาน ได้เริ่มใช้โปรแกรมการรักษาวัณโรคในระยะสั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นการปรับลดราคาเพิ่มเติมจะเป็นการปูทางไปสู่การเปิดตัวการรักษาแบบใหม่นี้ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก
ในประเทศอย่างอัฟกานิสถาน ที่ซึ่งผู้คนประสบปัญหาด้านค่าครองชีพ ค่าเดินทาง และค่ารักษาพยาบาล การที่เราสามารถรักษาผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาได้ภายใน 6 เดือนแทนที่จะต้องใช้เวลานานถึง 2 ปีจึงนับเป็นข้อดีอย่างยิ่ง ทว่าการเข้าถึงชุดตรวจวินิจฉัยโรคในราคาย่อมเยายังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญในอัฟกานิสถานและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ เนื่องจากชุดตรวจมีราคาสูง รัฐบาล ผู้บริจาค และบริษัทเภสัชกรรมต้องดำเนินการตั้งแต่บัดนี้ เพื่อรับประกันว่ามีการจัดหาชุดทดสอบและการรักษาพยาบาลที่สำหรับวัณโรคในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากขึ้นDr Geke Huisman ผู้ประสานงานด้านการแพทย์
*สูตร BPaLM หกเดือนประกอบด้วย bedaquiline (B), pretomanid (Pa), linezolid (L) และ moxifloxacin (M) สูตรนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นวัณโรคที่ดื้อต่อเบดาควิลีน ไลน์โซลิด พรีโทมานิด หรือเดลามานิด