หนึ่งปีแห่งสงครามซูดาน
ข้อมูลล่าสุด
- นับแต่เดือนเมษายน 2566 ประชาชนมากกว่าห้าแสนชีวิตเข้ารับการบริการทางการแพทย์จากโรงพยาบาล สถานพยาบาล และคลินิกเคลื่อนที่ที่องค์การแพทย์พรมแดนเข้าร่วมสนับสนุนการทำงาน
- ผู้ป่วยจำนวน 135 รายที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลขององค์การฯ ทางภาคตะวันออกของสาธารณรัฐชาด (Chad) ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2566 เปิดเผยว่าพวกเขาคือผู้รอดชีวิตจากการถูกข่มขืน
- นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ขององค์การฯ รายงานตัวเลขผู้ป่วยโรคมาลาเรียมากกว่า 100,000 ราย ผู้ป่วยโรคหัดหลายพันราย รวมถึงมีการรักษาผู้ป่วยอหิวาตกโรคมากกว่า 2,000 ราย
ในรอบหลายทศวรรษ สถานการณ์ในประเทศซูดานเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของโลก นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามมาแล้วกว่าหนึ่งปี ซูดานกำลังเผชิญกับหายนะใหญ่หลวงที่เกิดจากการประหัตประหารของมนุษย์ อย่างการต่อสู้ระหว่างกองทัพซูดาน (Sudanese Armed Forces - SAF) ผู้รับคำสั่งจากรัฐบาลซูดาน กับกองกำลังรบกึ่งทหารอย่างกองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว (Rapid Support Forces - RSF) นี่คือเรื่องราวชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของประชาชนหลายล้านชีวิตที่ควรเข้าถึงความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมฉุกเฉินและมีปลอดภัยในการดำรงชีวิต
จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (United Nations - UN) มีการบีบบังคับประชาชนมากกว่า 8 ล้านชีวิตให้หนีออกจากบ้านเรือนของตนเองและกลายเป็นผู้พลัดถิ่นหลายครั้งหลายคราว นอกจากนี้พลเมืองมากกว่าครึ่งประเทศ หรือราว 25 ล้านชีวิตต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการดำเนินงานให้กับประชาชนมากกว่าหนึ่งล้านราย แต่นั่นไม่เพียงพอต่อการส่งต่อปัจจัยที่จำเป็นให้กับคนที่ยังคงรอคอยความช่วยเหลือ เนื่องจากมีข้อจำกัดทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากคู่ขัดแย้งในสงคราม และการละเว้นการดำเนินการจากองค์การสหประชาชาติและองค์การด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
องค์การแพทย์ไร้พรมแดนทำงานใต้ความขัดแย้งในซูดานอย่างไร
ก่อนที่สถานการณ์จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในเดือนเมษายน 2023 ปรากฏให้เห็นถึงช่องว่างของระบบสาธารณสุขระหว่างสถานพยาบาลในเมืองและชนบท ตลอดจนระหว่างคนรวยกับคนจนอย่างเห็นได้ชัด
กระทั่งในปัจจุบันซึ่งเกิดความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง ยิ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ตลอดจนการขาดแคลนบุคลากรและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และค่ารักษาพยาบาลอันสูงลิ่ว ด้วยเหตุนี้การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานจึงเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับประชากรจำนวนมากในซูดาน
ต่อไปนี้ คือ กิจกรรมใหม่ขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน เพื่อปฏิบัติงานในสถานการณ์การที่มีรุนแรงเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน:
-
ในคาร์ทูม ทีมศัลยแพทย์กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองร่วมกับอาสาสมัครและบุคลากรทางการแพทย์ชาวซูดาน เพื่อให้บริการผ่าตัดและดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ขณะนี้เราปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด โดยที่นั่นมีทั้งห้องผ่าตัด หน่วยดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด และเรายังได้สร้างหอผู้ป่วยวิกฤตขึ้น เรายังพยายามยกระดับคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทีมแพทย์ผ่าตัดผู้ป่วยไปแล้วมากกว่า 400 ครั้งนับตั้งแต่เริ่มภารกิจที่โรงพยาบาลฝึกสอน Bashair ในคาร์ทูม เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งนอกจากองค์การแพทย์ไร้พรมแดนจะทำงานร่วมกับอาสาสมัคร แพทย์และพยาบาลในท้องถิ่นแล้ว ยังมีคนรุ่นใหม่จากในพื้นที่ และคนในชุมชนที่ตัดสินใจพยายามช่วยกันเปิดโรงพยาบาลนี้ให้ได้หลังจากต้องปิดไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต่างอพยพไปแล้วด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
-
แม้ว่าองค์การแพทย์ไร้พรมแดนจะสามารถจัดหาสิ่งของจำเป็นทางการแพทย์เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลฝึกสอน Bashair ได้ ผ่านการนำเอาคลังเวชภัณฑ์สำรองภายในคาร์ทูมมาใช้ รวมถึงการได้รับบริจาคมาจากหลายฝ่าย แต่ในอีกไม่นานสิ่งของจำเป็นเหล่านี้ก็จะหมดลง โดยอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งของอื่นๆ ถูกส่งมาถึงยัง Port Sudan เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม และจะลำเลียงมายังคาร์ทูมและเมือง Wad Madani ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งทีมแพทย์กำลังเปิดคลินิกเคลื่อนที่เพื่อให้บริการแก่ประชาชนผู้พลัดถิ่นอยู่ที่นั่น
-
ใน Wad Madani เมืองเอกของรัฐ Al-Jazeera ทีมแพทย์เปิดคลินิกเคลื่อนที่สำหรับผู้พลัดถิ่นที่หนีภัยการสู้รบไปจากเมืองหลวง และยังให้การสนับสนุนสถานพยาบาลซึ่งต้องรับมือกับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เรายังจัดส่งอาหารหลัก สิ่งของช่วยเหลือด้านสุขอนามัยและข้าวของจำเป็นอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร ไปยังเมืองนี้ โดยเน้นช่วยเหลือกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุด ซึ่งอาศัยค้างแรมอยู่ตามอาคารต่างๆ ในที่สาธารณะ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมด้านน้ำ สุขาภิบาล และสุขอนามัยร่วมด้วย
-
ที่ Port Sudan เมืองเอกของรัฐ Red Sea องค์การแพทย์ไร้พรมแดนเริ่มทำกิจกรรมด้านน้ำ สุขาภิบาล และสุขอนามัย ตามที่พักพิงของกลุ่มคนพลัดถิ่นภายในประเทศและจุดอื่นๆ ที่มีผู้คนกระจุกตัวกันอยู่ โดยเราลอกท่อ ลำเลียงน้ำ และแจกจ่ายอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัย นอกจากนี้ยังจัดการฝึกอบรมแผนรับมืออุบัติภัยหมู่และการคัดกรองผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉินร่วมด้วย
-
โรงพยาบาลที่องค์การแพทย์ไร้พรมแดนดูแลอยู่ในเมือง El Fasher รัฐ North Darfur เดิมทีเป็นเพียงโรงพยาบาลผดุงครรภ์ ไม่สามารถผ่าตัดผู้ป่วยได้ แต่ถูกปรับให้เป็นศูนย์บริบาลผู้บาดเจ็บอย่างรวดเร็วหลังจากมีผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวเข้ารักษาเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่เหตุสู้รบปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน โรงพยาบาลแห่งนี้ผ่าตัดผู้ป่วยไปแล้วมากกว่า 600 ครั้งทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและหญิงตั้งครรภ์ที่จำเป็นต้องผ่าคลอดฉุกเฉิน ส่วนรถบรรทุกขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนที่ลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์น้ำหนักรวม 10 ตัน สำหรับโรงพยาบาล South Hospital และค่าย Zamzam เดินทางไปถึงยัง El Fasher เมื่อวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคมแล้ว
การบริจาค
- การบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์และเชื้อเพลิงสำหรับสถานพยาบาลต่างๆ ในคาร์ทูม, รัฐ North Darfur, Central Darfur, Red Sea และรัฐ Al-Jazeera (ซึ่งมีผู้พลัดถิ่นพักอาศัยอยู่จำนวนมาก) และตามพื้นที่อื่นๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โปรดติดตาม Twitter ของ Doctors Without Borders Sudan เพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการบริจาค
- ในแถบ Umbada รัฐคาร์ทูม มีการบริจาคยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์ทำแผล และชุดดูแลทารกให้แก่โรงพยาบาล Al Rahji ซึ่งสิ่งของบริจาคเหล่านี้ โยกย้ายมาจากคลังใน Omdurman ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 กิโลเมตร
- ใน Zalingei เมืองหลวงของรัฐ Central Darfur เราบริจาคเชื้อเพลิงให้แก่โรงพยาบาลฝึกสอน Zalingei สำหรับใช้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและรถฉุกเฉิน
- เราบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล Al-Kamlin ในรัฐ Al-Jazeera ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่รับผ่าตัดผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุข
หลังเกิดเหตุปล้นสะดมคลังเวชภัณฑ์ของเราในคาร์ทูม ตู้เย็นต่างๆ ถูกถอดปลั๊กและยาถูกรื้อค้นออกมา ทำให้ยาในระบบทำความเย็นทั้งหมดเสื่อมสภาพไม่สามารถใช้รักษาโรคได้อีกต่อไป เราทั้งหวาดผวาและสะพรึงกลัวกับเหตุโจมตีอันเลวร้ายที่เกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้คนต้องอยู่อย่างสิ้นหวัง และความช่วยเหลือทางการแพทย์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่เหตุโจมตีเหล่านี้กลับทำให้บุคลากรทางการแพทย์ช่วยเหลือผู้คนได้ยากลำบากขึ้นอย่างมาก ซึ่งไร้เหตุผลสิ้นดีJean-Nicolas Armstrong Dangelser
- องค์การฯ ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยจากซูดานในประเทศเพื่อนบ้าน
- ชาด
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประเมินว่าผู้คนมากกว่า 75,000 คน หนีภัยไปยังจังหวัดทางตะวันออกของชาด ซึ่งมีทั้งผู้ลี้ภัยและผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัด Ouaddai แต่ก็พบได้ที่จังหวัด Sila และ Wadi Fira ด้วยเช่นกัน พื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าวรองรับผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ในชาดอยู่แล้ว โดยมีผู้ลี้ภัยชาวซูดานมากกว่า 400,000 คนที่ไปตั้งรกรากทางภาคตะวันออกของชาดตั้งแต่ก่อนที่ความรุนแรงระลอกล่าสุดจะปะทุขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในค่ายที่แออัดและไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขาภิบาลมากเพียงพอ นอกจากนี้ยังประสบปัญหาการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านอาหาร ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหาร ปัญหาการขาดสารอาหารในเด็ก และโรคระบาดที่ป้องกันได้ในภูมิภาค
ปัจจุบันเรากำลังปฏิบัติภารกิจในแถบพรมแดนที่ติดกับซูดาน โดยร่วมมือกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขเพื่อเปิดคลินิกเคลื่อนที่ ให้บริการฉีดวัคซีน ตรวจคัดกรองภาวะขาดสารอาหาร ส่งตัวผู้ป่วยไปรับการรักษาต่อ และกิจกรรมอื่นๆ ในค่ายผู้ลี้ภัยชั่วคราว เช่น Koufroun, Borota และค่าย Goungour ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัด Ouaddaï ทีมงานของเรายังคงสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาล Adre กับศูนย์สุขภาพอีก 3 แห่ง ซึ่งเราดูแลมาตั้งแต่ปี 2021 และเมื่อไม่นานมานี้เรายังได้ช่วยดูแลการยกระดับขีดความสามารถในการผ่าตัดเพื่อรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเรามักส่งตัวผู้ที่อาการสาหัสที่สุดไปรับการรักษายัง Abeche
เรายังเปิดบริการคลินิกเคลื่อนที่ในจังหวัด Sila ที่ศูนย์แรกรับผู้ลี้ภัย Mogororo และ Anderessa ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนซูดานเพียง 500 เมตร และยังช่วยสนับสนุนการทำงานของศูนย์สุขภาพในแถบ Daguessa ทีมงานของเราให้การดูแลทางการแพทย์ ทั้งด้านการเจริญพันธุ์ การตรวจคัดกรองภาวะขาดสารอาหารสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และการส่งตัวผู้ป่วยไปรักษายังสถานพยาบาลแห่งที่ 2 รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านจิตวิทยาร่วมด้วย
- สาธารณรัฐแอฟริกากลาง
ทีมงานองค์การแพทย์ไร้พรมแดนกำลังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ความต้องการความช่วยเหลือในจังหวัด Vakaga ที่อยู่ติดกับซูดาน เพื่อรับมือคลื่นผู้ลี้ภัยจากซูดานและผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา
- เซาท์ซูดาน
องค์การแพทย์ไร้พรมแดนกำลังประเมินสถานการณ์ความต้องการของทั้งผู้ลี้ภัยและชาวเซาท์ซูดานที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมทั้งความจำเป็นในการทำภารกิจช่วยเหลือที่รัฐ Aweil และรัฐ Upper Nile ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนของซูดาน
เราเรียกร้องให้ปกป้องพลเรือนและสถานพยาบาลโดยด่วน
องค์การแพทย์ไร้พรมแดนเรียกร้องให้ปกป้องพลเรือนจากการโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าและไร้เป้าหมายที่กำลังเกิดขึ้น เราขอให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งร่วมรับรองความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงการรักษาตามสถานพยาบาลต่างๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้ยังขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งรับรองว่าสถานพยาบาลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล คลินิก คลังเวชภัณฑ์ และรถฉุกเฉิน จะต้องได้รับการคุ้มครอง และต้องไม่ตกเป็นเป้าการโจมตีโดยเด็ดขาด
ทีมงานองค์การแพทย์ไร้พรมแดนในซูดานช่วยให้การดูแลทางการแพทย์แก่ผู้คนที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาทั้งหมด แต่ขณะนี้เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากการสู้รบที่รุนแรง เราขอย้ำคำเรียกร้องถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ ให้เคารพบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาลและรถฉุกเฉิน และละเว้นจากการเอาชีวิตพลเรือน รวมถึงผู้ที่ทำงานด้านมนุษยธรรมทั้งหมด
การทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ช่วยเราส่งต่อความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงครั้งล่าสุดในซูดาน และผู้ป่วยของเราในกว่า 70 ประเทศทั่วโลกวันนี้