ฟิลิปปินส์: เมื่อซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านยี่พัดถล่มจนพังราบเป็นหน้ากลอง
ผู้อยู่อาศัยบางส่วนต้องอพยพไปอยู่ในโรงเรียนชั้นประถมระหว่างไต้ฝุ่นเข้าพัดถล่ม หากในท้ายที่สุดแล้วพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่สามารถทัดทานแรงลมได้ หลังคาปลิวไปกับลมกำลังแรง และต้นไม้ล้มถล่มจนกำแพงได้รับความเสียหาย - ฟิลิปปินส์ พฤศจิกายน 2567 © Regina Layug Rosero/MSF
และนี่คือความเสียหายที่พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านยี่ (Man-yi ชื่อท้องถิ่นคือ เปปิโต - Pepito) ทิ้งไว้ พายุลูกที่ 6 ภายในเดือนเดียวที่เข้าถล่มฟิลิปปินส์ (Philippines) พายุหม่านยี่ขึ้นฝั่ง 2 ครั้ง ครั้งแรกที่เมืองปังกานิบัน (Panganiban) จังหวัดคาทันดูอาเนส (Catanduanes) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน และวันถัดมาก็ขึ้นที่เมืองดีพาคูเลา (Dipaculao) จังหวัดออโรรา
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders / Médecins Sans Frontières - MSF) เริ่มให้บริการคลินิกเคลื่อนที่ในชุมชนริมทะเลดีนาจาวัน (Dinadiawan) ในเมืองดีพาคูเลา จังหวัดออโรรา องค์การฯ ร่วมกับกรมสุขภาพและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ระดับจังหวัดและตำบลเพื่อให้บริการทางการแพทย์อย่างครบวงจรกับชุมชนเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ บริการดังกล่าวรวมถึงการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ บริการสุขภาพจิตและจิตเวช การทำแผล การฉีดวัคซีนตามรอบ การจ่ายยา และการคัดกรองภาวะ ทุพโภชนาการ (malnutrition) ในเด็ก
พยาบาลขององค์การฯ ทำงานร่วมกับพยาบาลท้องถิ่นเพื่อคัดกรองอาการเบื้องต้นภายในคลินิกเคลื่อนที่ - ฟิลิปปินส์ พฤศจิกายน 2567 © Regina Layug Rosero/MSF
ลมที่พัดมามันรุนแรงมาก
ดีนาจาวัน (Dinadiawan) ในเมืองดีพาคูเลา เป็นชุมชนริมทะเลที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 5,000 คน และเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายร้ายแรงมากที่สุดพื้นที่หนึ่งในจังหวัดออโรรา หลังจากพายุขึ้นฝั่งก็ตามมาด้วยฝนตกหนัก ทำลายถนนบนภูเขาขณะที่คลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge) ทำความเสียหายให้อาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง
ขณะที่มีการเตือนภัยพายุหม่านหยี่ ประชาชนจำนวนมากอพยพไปที่โรงเรียนประถมดีนาจาวัน เดเลีย มาคาลิเพย์ (Delia Macalipay) อายุ 63 ปี ก็อพยพไปที่นั่นพร้อมกับครอบครัวของเธอ
ลมแรงมากๆ พวกเราหลบอยู่หลังฟูกที่นอนเพื่อป้องกันตนเอง เด็กๆ ก็อยู่ด้วยกันหมด ฉันเป็นคนจับฟูกไว้ ฉันไม่รู้ตัวว่าเท้าของฉันโผล่ออกไป ดังนั้นพอลมพัดกระจกแตก เท้าก็เลยโดนบาดเป็นแผล”เดเลียเล่า เธอมาที่คลินิกเคลื่อนที่ขององค์การฯ เพื่อตรวจดูแผล “โชคดีมากที่เศษแก้วไม่ได้ติดอยู่ในเท้า”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเธอจะได้รับการรักษาแล้ว แต่เท้าของเธอยังบวมอยู่เนื่องจากแช่อยู่ในน้ำฝนมานาน
ดอกเตอร์ มาร์ฟ ดูคา เฟอร์นันเดซ (Marve Duka-Fernandez) หัวหน้าทีมแพทย์สำหรับการรักษาคนไข้รายนี้ระบุว่า “ในช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านมา เราได้รักษาผู้ป่วยไปแล้ว 549 ราย ผู้ป่วยจำนวนมากมีปัญหาทางเดินหายใจส่วนต้นติดเชื้อ (upper respiratory tract infections) นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยอายุเกิน 60 ปีจำนวนมากที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมความดันโลหิตสูง (hypertension)”
ผู้ป่วยที่มาเพราะแผลฉีกขาด แผลลักษณะเป็นรู บาดเจ็บที่ศีรษะ จากอุบัติเหตุชนิดต่างๆ ที่เกิดระหว่างพายุถล่ม หรือเกิดขึ้นระหว่างการทำความสะอาดและซ่อมแซมหลังการเกิดพายุ เรายังพบเจอแผลจากสุนัขกัดด้วย แม้ว่าการบาดเจ็บเหล่านี้เป็นเรื่องปกติหลังจากเหตุภัยพิบัติ ความอันตรายคือ แผลเหล่านี้สามารถติดเชื้อได้ หรือกรณีที่เข้ารับการรักษาช้าเกินไปหลังมีแผล เนื่องจากผู้คนกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมแซมและการทำความสะอาดบ้านเรือนมากกว่าการมาพบแพทย์ หรือไม่ก็กำลังให้จัดการกับความจำเป็นอื่นๆ ของสมาชิกในครอบครัวมากกว่าจะดูแลอาการบาดเจ็บของตนเองดอกเตอร์ มาร์ฟ ดูคา เฟอร์นันเดซ
“ดินถล่มพัดพาบ้านของเราราบคาบ”
โรซาลินดา ทาบิล (Rosalinda Tabil) อายุ 41 ปี มาที่คลินิกเคลื่อนที่พร้อมกับแผลที่แขน “ฉันพยายามจะเปิดฝากระป๋องปลาซาร์ดีนให้กับคนที่บ้าน ฉันไม่มีที่เปิดกระป๋อง มีแต่มีด พอพลาดมีดก็เลยแฉลบเข้าที่แขนของฉัน”
ทาบิลและครอบครัวของเธออพยพไปพักกับญาติ และด้วยความเร่งรีบหาที่ปลอดภัย พวกเขาเลยจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างไว้ ครอบครัวเธอทั้งหมด 8 คนซึ่งมีลูกๆ ของเธอรวมอยู่ด้วยต้องอยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่เล็กๆ ซึ่งพวกเขาได้แต่ภาวนาให้หลังคาเหนือศีรษะของพวกเขาไม่ถูกพัดพาไปด้วยลม พวกเขาทิ้งบ้านบนภูเขาอพยพมาในพื้นที่ราบใกล้กับน้ำ “เราต้องข้ามสะพาน 3 แห่งกว่าจะมาถึงที่นี่”เธอเล่า
“ตอนที่เรากลับไปดูที่บ้าน ทุกอย่างหายไปหมดสิ้น ดินถล่มพัดพาบ้านของเราไปอย่างราบคาบ”นอกจากบ้านแล้ว ทรัพย์สินทุกอย่างก็หายไปหมดเช่นกัน
พยาบาลรายหนึ่งทำแผลบริเวณหน้าแข้งให้กับวัยรุ่นชายรายหนึ่ง - ฟิลิปปินส์ พฤศจิกายน 2567 © Regina Layug Rosero/MSF
ปัญหาสุขภาพจิตยังคงอยู่ “ครอบครัวของฉันจะเป็นอย่างไรถ้าฉันตายไป”
นอกจากการให้บริการสุขภาพผ่านคลินิกเคลื่อนที่แล้ว ซาราห์ เจน ดีโอคัมโพ (Sarah Jane Deocampo) หัวหน้างานบริการสุขภาพจิต ได้พูดคุยกับผู้ป่วยเกี่ยวกับประสบการณ์และบาดแผลทางใจที่พวกเขาต้องเผชิญ โดยรวมแล้วองค์การฯ จัดให้มีการพูดคุยเพื่อให้ความรู้เรื่องสภาพจิตใจกับประชากร 55 ราย โดยให้ความรู้เรื่องสุขภาพจิตที่จำเป็นและวิธีการรับมือ เจ้าหน้าที่ขององค์การฯ ยังจัดให้มีการให้คำปรึกษาผ่านกระบวนการการปฐมพยาบาลทางใจ Psychological First Aid (PFA) อีก 35 ราย และจัดกิจกรรมลักษณะเดียวกันแบบกลุ่มให้กับผู้นำและผู้ปฏิบัติที่หน้าให้บริการในชุมชนจำนวน 11 ชุมชน
ดีโอคัมโพสังเกตและพบว่า “ส่วนใหญ่คนที่ต้องการคำปรึกษาเป็นผู้ป่วยสูงอายุและเป็นผู้หญิง ผู้ชายก็มีบ้างที่อยากพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ประสบการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ”
พวกเขามุ่งสนใจดูแลครอบครัว พยายามซ่อมแซมบ้านและจัดการชีวิตของพวกเขาว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จนพวกเขาละเลยทั้งเรื่องความรู้สึกกับการบาดเจ็บและปัญหาสุขภาพของตนเอง เมื่อพวกเขามาหาเราเพื่อปรึกษา พวกเขาถึงร้องไห้และปลดปล่อยความกลัวและความหงุดหงิดใจออกมา เมื่อถึงเวลาแบบนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะยอมให้ตัวเองรับรู้ความรู้สึกมากกว่าจะปล่อยให้ผ่านไปเหมือนความรู้สึกนั้นไม่เคยมีอยู่ และการมีโอกาสแบบนี้ทำให้พวกเราเริ่มวางแผนอนาคตได้ซาราห์ เจน ดีโอคัมโพ หัวหน้างานสุขภาพจิต
อีแวนเจลิน่า รามิโร (Evangelina Ramiro) จะต้องมั่นใจว่าสมาชิกในครอบครัวได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนตัวเธอเอง ดีโอคัมโพเล่าให้ฟังว่า “เธอมีลูก 2 คนและหลาน 2 คนที่พูดไม่ได้ ขณะที่ตัวเธอเองอายุ 73 ปี แต่ก็ยังเป็นคนดูแลทุกอย่างในครอบครัว สามีของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนลูกอีกคนก็ย้ายออกไปจากออโรราแล้ว เธอบอกฉันว่า “ใจฉันยังแข็งแรงดี แต่ร่างกายของฉันไม่แข็งแรงอีกต่อไปแล้ว ครอบครัวของฉันจะเป็นอย่างไรถ้าฉันตายไป แค่ทำอาหารให้ตัวเองกินพวกเขายังไม่สามารถทำได้เลย”
“แม้แต่หลังจากเสร็จการให้คำปรึกษาแล้ว เธอยังกล่าวคำว่า ซาลามัท อานัค (ขอบคุณมากนะลูก)ชั่วขณะหนึ่งที่ฉันคิดได้ว่าปัญหาที่ฉันมีอยู่นับว่าไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่”
ความท้าทายในการเข้าถึงพื้นที่และการทำประเมิน
พายุหมานยี่กระทบหลายพื้นที่ที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากพายุไซโคลนครั้งก่อนๆ องค์การแพทย์ไร้พรมแดนเข้าเยี่ยมพื้นที่จังหวัดคาทันดูอาเนส ในภูมิภาคบิโคล (Bicol) และจังหวัดคากายัน (Cagayan) จังหวัดอิซาเบล่า (Isabela) จังหวัดนูวาวิซคายา (Nueva Vizcaya) และจังหวัดออโรรา ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือและตอนกลางของเกาะลูซอน (Luzon)
ดาริล วอน อเบลอน (Daryll Von Abellon) เจ้าหน้าที่จัดการด้านการขนส่งอธิบายว่า “เราต้องใช้เวลาขับรถ 4-5 ชั่วโมงต่อเที่ยวในการเข้าถึงชุมชนในพื้นที่จังหวัดคากายัน จังหวัดอิซาเบล่า จังหวัดนูวา วิซคายาและจังหวัดออโรรา และอีก 4 ชั่วโมงสำหรับขากลับไปที่เมืองตูเกกาเรา (Tuguegarao) จังหวัดคากายันก่อนจะมืด
เราเข้าพื้นที่ได้แค่วันละเขตชุมชน ถ้าโชคดีอาจจะได้สัก 2 เขต มีอยู่วันหนึ่งที่เราต้องอยู่บนถนนนานกว่า 14 ชั่วโมง และอีกครั้งที่เราต้องย้อนกลับทางเดิมแม้ว่าเราจะเกือบจะถึงจังหวัดออโรราแล้วก็ตาม แต่เพราะดินถล่มอย่างหนักขวางถนน หน่วยงานท้องถิ่นเห็นว่าอันตรายเกินไปสำหรับการสัญจร”
การเดินทางไปยังดีนาจาวัน เมืองดีพาคูเลา จากเมืองหลวงของออโรรา ต้องขับผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยว ขนาบไปด้วยภูเขาและทะเลกว่า 2 ชั่วโมง โดยหลายวันหลังจากที่ไต้ฝุ่นเข้าพัดถล่ม ถนนหลายสายได้รับความเสียหายจากดินถล่ม - ฟิลิปปินส์ พฤศจิกายน 2567 © Regina Layug Rosero/MSF
“ความท้าทายอีกอย่างคือการที่พายุ 6 ลูกเข้าถล่มในระยะเวลาเพียงแค่เดือนเดียว เราต้องประเมินพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดและระบุว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากพายุลูกล่าสุด พื้นที่ไหนต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด พื้นที่ไหนที่เราเข้าถึงได้ เจ้าหน้าที่ชุดรับมือภัยพิบัติท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบอกเราว่า ‘พวกเราพร้อมรับมือกับพายุ 1-2 ลูกที่เข้าในเดือนนี้ แต่พายุ 6 ลูก มากเกินรับไหว’”
การเข้าถึงดีนาจาวัน เมืองดีพาคูเลา จากบาเลอร์ (Baler) ตัวเมืองของจังหวัดออโรรา เจ้าหน้าที่ต้องขับรถเกือบ 2 ชั่วโมงบนทางคดเคี้ยวระหว่างภูเขากับมหาสมุทร คลินิกเคลื่อนที่ในดีพาคูเลาถูกสร้างขึ้นบนถนนที่ห่างจากชายฝั่งน้อยกว่า 1 กิโลเมตร ชายหาดยังเต็มไปด้วยต้นไม้ กิ่งไม้ เศษขยะ ที่กระจายไปทั่วบริเวณ
หลังจากมีคลินิกเคลื่อนที่ที่ดีนาจาวันมาได้ 1 สัปดาห์ องค์การฯ ได้จัดการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลทางใจให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดออโรราจำนวน 30 คน ภารกิจการรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินขององค์การฯ สิ้นสุดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567