ฟิลิปปินส์: ภารกิจขององค์การฯ หลังไต้ฝุ่นโคนีและหว่ามก๋อสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
ทีม MSF ลงพื้นที่ประเมินความเสียหายรอบแรกในกิวโนบาตัน จังหวัดอัลไบย์ หลังไต้ฝุ่นโคนีและหว่ามก๋อพัดขึ้นฝั่ง บ้านเรือนจำนวนมากเสียหายอย่างหนัก อย่างไรก็ตามมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น © MSF
วันที่ 1 พฤศจิกายน ไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดในปี 2563 พัดเข้าถล่มฟิลิปปินส์ ไต้ฝุ่นโคนีหรือที่รู้จักกันในฟิลิปปินส์ภายใต้ชื่อโรลลี สร้างความเสียหายอย่างหนักเป็นบริเวณกว้างทั่วทั้งภูมิภาคบิโคล โดยเฉพาะในจังหวัดคาตันดัวเนสและอัลไบย์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 300 กิโลเมตร โดยก่อนที่จะพัดขึ้นฝั่ง พายุโคนีถูกจัดให้เป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 5 ซึ่งรุนแรงมากที่สุด
สามสัปดาห์ให้หลัง หลายพื้นที่ในอัลไบย์และคาตันดัวเนสยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตก็ไม่เสถียร โดย MSF ได้ส่งทีมประเมินสถานการณ์ลงพื้นที่แต่ละจังหวัด เพื่อประเมินความเสียหายที่เกิดจากไต้ฝุ่นโคนี
หากทีมกลับต้องเผชิญอุปสรรคครั้งใหม่ เมื่อไต้ฝุ่นหว่ามก๋อพัดขึ้นฝั่งเมื่อวันที่ 11 และ 12 พฤศจิกายน ทำให้การประเมินสถานการณ์และภารกิจช่วยเหลือของ MSF ต้องหยุดชะงักลง “ทีมของเราต้องหยุดทำงานและรอให้ไต้ฝุ่นหว่ามก๋อผ่านไปก่อน ซึ่งพายุลูกนี้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลามากที่สุด” ฌอง-ลุค อองแกลด (Jean-Luc Anglade) หัวหน้าภารกิจของ MSF ในฟิลิปปินส์กล่าว
ระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งก่อสร้างและระบบโครงสร้างพื้นฐานในแต่ละพื้นที่ของจังหวัดอัลไบย์แตกต่างกันมาก เมืองต่างๆ ที่อยู่ตามไหล่เขาของภูเขาไฟมายอน ซึ่งหันหน้าเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกและตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากเป็นจุดที่ไต้ฝุ่นโคนีพัดขึ้นฝั่งขณะที่มีกำลังแรงสูงสุด จากนั้นเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มได้รับความเสียหายอย่างหนักเป็นลำดับถัดมา จากน้ำในแม่น้ำที่เอ่อล้นทะลักเข้าท่วมพื้นที่และเหตุดินโคลนจากภูเขาไฟถล่มอย่างรุนแรง
ดร. เรย์ อานิเซเต (Dr. Rey Anicete) หัวหน้าทีมฉุกเฉินของ MSF ในอัลไบย์ เล่าว่า “เริ่มแรกเราไปยังเมืองกิวโนบาตัน ซึ่งไต้ฝุ่นทำให้เกิดโคลนภูเขาไฟถล่มอย่างรุนแรง เป็นครั้งแรกในชีวิตของคนท้องถิ่นในหมู่บ้านซานฟรานซิสโกและทราวีเซียที่ได้เจอกับโคลนภูเขาไฟแบบนี้ ระหว่างสำรวจพื้นที่และเดินข้ามหินก้อนใหญ่ มีคนบอกเราว่าตรงนั้นที่เรายืนเคยเป็นบ้านคนมาก่อน ฟังแล้วหดหู่มาก”
แม้ว่าจะพบเห็นความเสียหายได้อย่างชัดเจนในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง แต่การอพยพล่วงหน้าช่วยลดการสูญเสียชีวิตไปได้มาก คนส่วนมากที่อพยพออกไปก่อนสามารถกลับเข้าไปอาศัยที่บ้านได้แล้ว พร้อมกับเริ่มซ่อมแซมความเสียหาย
ปัจจุบันศูนย์อพยพ 2 แห่งรองรับผู้อพยพ 1,037 คน ซึ่งอาจต้องอาศัยอยู่ต่อไปอีกเป็นระยะเวลาหนึ่งเพราะบ้านเรือนและชุมชนเสียหายอย่างหนัก ในเมืองกิวโนบาตัน บ้านและสิ่งก่อสร้างในหมู่บ้านซานฟรานซิสโกและทราวีเซียจมอยู่ใต้กองโคลน ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนเมืองตีวีถูกไต้ฝุ่นโคนีพัดถล่มโดยตรง เขตทุกเขตเผชิญกับลมกระโชกแรง ฝนตก และรวมทั้งคลื่นพายุซัดฝั่ง บ้านเรือนมากกว่า 1 ใน 3 ถูกทำลาย และเกือบครอบครัว 200 ครัวเรือนยังคงต้องอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายโจโรอัน
ทีม MSF ลงพื้นที่ทำกิจกรรมและประเมินสุขภาพบนเกาะซานมิเกล จังหวัดคาตันดัวเนส ฟิลิปปินส์ หลังไต้ฝุ่นโคนีและหว่ามก๋อพัดขึ้นฝั่ง © Hana Badando/MSF
ทีม MSF เริ่มแจกจ่ายกระติกน้ำสำหรับเก็บน้ำดื่มและชุดอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ที่ศูนย์อพยพในทั้ง 2 จังหวัด ซึ่งผู้ประสบภัยแต่ละคนจะได้รับหน้ากากผ้าแบบซักได้สองชิ้น เจลล้างมือ และเฟซชิลด์ นอกจากนี้ทีมยังวางแผนช่วยฝึกสอนการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อโควิด-19 (IPC) และจะบริจาคอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ให้ทีมงานของศูนย์อพยพด้วย
“โควิด-19 กระทบต่อชีวิตของผู้คนในฟิลิปปินส์อย่างร้ายแรงมาตั้งแต่เดือนมีนาคม และคนในศูนย์อพยพก็ยิ่งจำเป็นต้องรักษาสุขอนามัยและรักษาระยะห่างเพื่อป้องกันการระบาด เราจึงต้องให้ความสำคัญกับทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้อพยพเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อให้สำเร็จ” อัลเลน บอร์ฮา (Allen Borja) พยาบาลฝ่ายป้องกันและควบคุมการติดเชื้อของ MSF ในอัลไบย์กล่าว
ส่วนจังหวัดเกาะอย่างคาตันดัวเนส มีเขตเทศบาล 6 เขตจาก 11 เขตที่เสียหายหนักจากไต้ฝุ่นโคนี ซึ่งถ้าพิจารณาจากความเสียหายต่อบ้านเรือนและการดำรงชีพ เกาะนี้ถือว่าเสียหายหนักที่สุด แต่โชคดีที่ชาวจังหวัดยังสามารถออกจากศูนย์อพยพกลับอยู่บ้านและเริ่มซ่อมแซมบ้านกันได้โดยเร็ว
“ทีมของ MSF เริ่มงานช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉินในซานมิเกลตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งใน 4 เขตเทศบาลที่เราเข้าไปช่วยเหลือ แพทย์หนึ่งคนและพยาบาลหนึ่งคนจาก MSF ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอนามัยเขตเทศบาล เพื่อสนับสนุนเวชภัณฑ์สำหรับการช่วยเหลือหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทีมนี้เริ่มแจกจ่ายยาเม็ดฆ่าเชื้อในน้ำดื่มและกระติกเก็บน้ำดื่มให้ชาวบ้านประมาณ 2,500 ครอบครัว” ดร. ฮานา บาดานโด (Dr. Hana Badando) ผู้นำทีมฉุกเฉินในเขตเทศบาลวิรัค จังหวัดคาตันดัวเนสกล่าว