Skip to main content

    ซูดาน: ราวกับว่าไม่มีใครสนใจซูดานอีกแล้ว

    Portrait of Dr Bashir who has worked in several MSF projects in Sudan.

    เซาท์ซูดาน - ตุลาคม 2567 © Paula Casado Aguirregabiria/MSF

    คุณยังจำผมได้ไหม ผมชื่อโมฮัมหมัด บาเชอร์ ผมเคยเป็นผู้ช่วยผู้ประสานงานทางการแพทย์ขององค์การฯ ในซูดาน ผมเคยเขียนบทความเรื่อง มือที่โอบอุ้มแห่งซูดาน เล่าเหตุการณ์ที่ผมพบเจอในสงครามกลางเมือง ไม่ใช่ในฐานะเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์เพื่อมนุษยธรรม แต่เป็นในฐานะประชาชนซูดานคนหนึ่ง

    ผมยังทำงานกับองค์การฯ แต่ตอนนี้ข้ามแดนมาประจำอยู่ที่เซาท์ซูดาน (South Sudan) ถึงตัวจะไม่อยู่ที่นั่น แต่ผลกระทบของสงครามยังคงอยู่กับผมตลอด ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวท้องถิ่น ผมนึกเปรียบเทียบกับสิ่งที่ได้ยินตามช่องข่าวใหญ่ๆ ระดับโลกที่ดูเหมือนซูดานจะไม่ได้อยู่ในความสนใจเท่าไหร่นัก

    ซูดานและประชาชนที่กำลังทุกข์ทรมานถูกละเลยจากการจัดลำดับความสำคัญความเป็นไปที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ถูกลืมจากสื่อ ถูกมองข้ามด้วยเหตุผลทางการเมือง และไม่ได้รับความสนใจจากแหล่งทุนด้านมนุษยธรรมที่ควรให้ความสำคัญกับวิกฤตครั้งนี้เป็นเป็นหลัก ผมถามตัวเองว่าผมจะทำอะไรได้บ้างในฐานะบุคคลคนหนึ่ง และคำตอบก็ชัดเจน ผมจะยังคงช่วยเหลือคนที่ถูกเหยียบย่ำจากสงครามอันโหดร้ายครั้งนี้
    นายแพทย์โมฮัมหมัด บาเชอร์

    เมืองทวิค (Twic) ในเซาท์ซูดาน ผู้ป่วยจำนวนมากเป็นคนเซาท์ซูดานที่กลับมาบ้านหลังจากต้องพลัดถิ่นสองครั้งในรอบหนึ่งทศวรรษ ส่วนผู้ลี้ภัยชาวซูดานนับพันก็ข้ามไปพื้นที่อีกฝั่งของเซาท์ซูดาน กระจายไปตามชุมชน หรือไม่ก็เข้าไปอัดกันอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย

    A displaced woman holds her child as she takes refuge in Alsafat Camp in Al Jazirah state. Sudan, December 2023. © Fais Abubakr

    หญิงผู้พลัดถิ่นอุ้มบุตรของเธอเอาไว้ ตอนนี้เธอพักอาศัยอยู่ในค่ายอัลซาฟัต (Alsafat) รัฐอัลญะซีเราะห์ (Al Jazirah) "ฉันกังวลเกี่ยวกับอนาคตของลูก นึกถึงการกลับไปอยู่และเรียนหนังสือที่แอปไบย์ แต่ถ้าสงครามในครั้งนี้จบลงเมื่อไหร่ ฉันว่าฉันจะกลับบ้านที่คาร์ทูมทันที ที่ที่สามีของฉันจะสามารถกลับไปทำงานได้" - ซูดาน ธันวาคม 2566 © Fais Abubakr

    ผมสัมผัสได้ถึงเจ็บปวดเหล่านั้น

    สงครามนี้ยังคงทำให้พวกเราทุกข์ทรมานต่อไป พรากครอบครัวให้จากกัน คนที่ต้องหนีออกจากซูดานเล่าเรื่องราวความสูญเสียคล้ายๆ กัน ความไม่แน่นอน ความหวังอันเลือนรางที่จะเห็นสันติภาพ ผมรับรู้ความเจ็บปวดนี้ได้ดีเกินไป

    เขตแดนภายในประเทศและเขตแนวหน้าถูกควบคุมโดยประเทศคู่สงครามแยกให้ประเทศแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่นี่มีหลายชีวิตต้องสูญเสียไป บ้านถูกทำลาย และวิถีการดำเนินชีวิตมลายหายสิ้น

    สำหรับประชาชนอย่างพวกเรา พวกเราถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง

    ครอบครัวของผมหนีมาจากเมืองคาร์ทูม (Khartoum) ท่ามกลางคนนับล้านที่ต้องพลัดถิ่น ไม่ใช่การพลัดถิ่นแค่ครั้งเดียวแต่หลายครั้งในรอบ 18 เดือน พวกเขาต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างโดยที่ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าเพื่อเอาชีวิตรอดมีหน้าตาอย่างไร ประกอบกับความสนใจที่ได้รับจากสังคมโลกเพียงเล็กน้อย เรายังคงทุกข์ทรมานจากการหายตัวไปของญาติ ประชาชนถูกจับไปจากบ้านโดยคู่สงครามมานานกว่า10 เดือนแล้ว โดยเรายังไม่ได้รับข่าว ไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรหรือว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่

    แม้แต่คนที่ต้องหนีความรุนแรงหรือได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังพลัดพราก ความท้าทายใหม่ๆ ก็มีขึ้น ทั้งน้ำท่วม การระบาดของโรค ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางระบบสาธารณสุขที่ล่มสลาย โรงพยาบาลส่วนใหญ่ถูกทำลาย ส่วนที่ยังพอใช้งานได้บ้างก็ต้องเผชิญกับการขาดแคลนยา พนักงาน และทรัพยากรอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น นับได้ว่าแผนการแยบยลอันโหดร้ายของสงคราม

    การเอาชีวิตรอดต้องทำภายใต้สิ่งที่ยังเหลืออยู่ ผู้คนถูกปล่อยให้รอคอยปาฏิหาริย์ การพลัดถิ่นยังคงเกิดขึ้นอยู่และแย่ไปกว่านั้นคือ ‘ความตาย’

    Patients arrive at Bashair hospital in southern Khartoum, which needs to cope with the influx of wounded people following the outbreak of conflict between the army and paramilitary forces. Khartoum, Sudan, May 2023. © Ala Kheir/MSF

    ผู้ป่วยต่างเดินทางมายังโรงพยาบาลบาเชอร์ (Bashair) เนื่องจากที่นี่คือโรงพยาบาลแห่งเดียวที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ทางตอนใต้ของเมืองคาร์ทูม - ซูดาน พฤษภาคม 2566  © MSF/Ala Kheir

    อย่าเพิ่งเมินหนี

    นอกจากเรื่องราวทั้งหมดที่เล่ามานี้ ผมอยากแบ่งปันเรื่องราวการปรับตัวในสถานการณ์ยากลำบากนี้ ในฐานะคนทำงานด้านมนุษยธรรม เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ คณะทำงานวางแผนการลำเลียงขนส่ง และพยาบาล พวกเราทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือคนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ การกระทำเล็กๆ ส่งผลสำคัญ การลงแรงพยายามที่เกิดขึ้นทุกครั้งก็เช่นเดียวกัน

    สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมทำมาตลอดหลายเดือนในเมืองทวิคที่โครงการการแพทย์ขององค์การฯ ดำเนินการในโรงพยาบาลเขตมาเยิร์น อาบูน (Mayen Abun County Hospitalพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสูงอยู่แล้ว เราได้เห็นการพลัดถิ่นภายในประเทศของประชากรเซาท์ซูดานนับพันคนที่ต้องพลัดที่จากบ้านเกิดจากความรุนแรงระหว่างชนเผ่าในอากก (Agok) เมื่อปี 2565 ระบบสาธารณสุขที่อากกล่มสลายจากการรับมือโรคมาลาเรีย (malaria) โรคไวรัสตับอักเสบอี (hepatitis E) และภาวะทุพโภชนาการ (malnutrition)

    งานที่นี่ทำให้ผมมองเห็นอีกมิติของสงครามในประเทศตนเอง ผมเห็นสภาพความอัตคัตของคนที่ต้องหนีจากซูดานด้วยตาตนเอง สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจมากยิ่งขึ้นคือการที่วิกฤตการณ์ยังคงถูกละเลย มีข้อมูลกระแสหลักเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการพลัดถิ่นของชาวซูดานมายังเซาท์ซูดาน สาธารณรัฐชาด (Chad) และประเทศอื่นๆ แม้จะมีอีกหลายครอบครัวที่จำเป็นต้องหาหนทางเพื่อลี้ภัย

    เราอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤตการณ์ได้ยกระดับขึ้น ทั้งจากฝีมือมนุษย์และธรรมชาติ ความเสียหายจากสงครามที่เกิดขึ้นปัจจุบันในพื้นที่ต่างๆ ที่มีบริบทแตกต่างกันถือเป็นโศกนาฏกรรมที่ยากเกินกว่าจะสรุปได้

    ท่ามกลางสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ผมขอวิงวอนให้สังคมโลกไม่ลืมซูดาน บางครั้งดูเหมือนว่าไม่มีใครใส่ใจ เหมือนซูดานถูกลดความสำคัญจากประเทศที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องสำคัญของโลกใบนี้และไปจัดการวิกฤตอื่นแทน เราจะยังอดทนกันได้อีกนานแค่ไหนกับการไม่ลงมือทำอะไรเลย
    นายแพทย์โมฮัมหมัด บาเชอร์