Skip to main content

    ยูเครน: การอพยพผู้ป่วย 150 รายหลังการโจมตีโรงพยาบาลในแคร์ซอนอย่างต่อเนื่อง

    On 20 and 22 October 2023, MSF evacuated 150 patients from Kherson region after the hospital was shelled. Patients were transferred to other health facilities around Ukraine using the MSF medical evacuation train. Ukraine, 2023. © Verity Kowal/MSF

    หลังจากตกอยู่ใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ 20 และ 22 ตุลาคม 2566 องค์การแพทย์ไร้พรมแดนอพยพผู้ป่วย 150 คนออกจากภูมิภาคแคร์ซอนไปยังสถานพยาบาลอื่นในยูเครนด้วยวิธีการส่งกลับสายแพทย์ทางรถไฟ - ยูเครน 2566 © Verity Kowal/MSF

    เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 องค์การฯ ต้องอพยพผู้ป่วย 267 รายออกจากโรงพยาบาล และจากความถี่ของระดมยิงในภูมิภาคแคร์ซอนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยการแพทย์ในภูมิภาคแคร์ซอนได้ติดต่อขอการสนับสนุนจากองค์การฯ อีกครั้งเพื่ออพยพผู้ป่วยพลเรือนที่อยู่ในภาวะวิกฤติ
    ดร. อัลบีนา ชาร์โควา ผู้ประสานงานโครงการ

    การโจมตีส่งผลให้โรงพยาบาลประสบปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายไฟ หลายครั้งนำไปสู่สถานการณ์ที่โรงพยาบาลจำเป็นต้องดำเนินงานโดยไร้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือขยับตัวเองได้เนื่องจากอายุและโรคประจำตัว ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ชีวิตของผู้ป่วยเหล่านี้แขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะใต้ภาวะที่มีการโจมตีโรงพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเหล่านี้ไปยังบังเกอร์อย่างทันท่วงทีเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้

    “ผู้ป่วยมีเงื่อนไขของโรคที่แตกต่างกันออกไป บางรายมีโรคเรื้อรัง บางรายอยู่ในภาวะพิการรุนแรง บางรายเป็นคนไข้ติดเตียง” ดร. อัลบีนา ชาร์โควา (Albina Zharkova) อธิบาย “เราสังเกตเห็นตัวเลขของอาการทางจิตเวขที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการต่อสู้เป็นระยะจนเกิดเป็นความเครียดสะสม”

    รถพยาบาลขององค์การฯ ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลไปยังสถานีรถไฟ ซึ่งมีปฏิบัติการการส่งกลับสายแพทย์เตรียมพร้อม รถไฟขององค์การฯ เคลื่อนขบวน 2 ครั้งเพื่อย้ายผู้ป่วยจำนวนมากไปยังสถานพยาบาลอื่นทางตอนกลางและตะวันตกของยูเครนที่มีความปลอดภัยมากกว่า โดยขบวนแรกเดินทางในวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม และครั้งที่สองในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม

    MSF nurse, Halyna Milovus, checks the blood pressure of a patient on the MSF medical evacuation train. Ukraine, 2023. © Verity Kowal/MSF

    ฮาลีนา มิโลวัส (Halyna Milovus) นางพยาบาลขององค์การฯ ตรวจสอบระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยบนรถไฟเพื่อการส่งกลับสายแพทย์ © Verity Kowal/MSF

    “กระทั่งช่วงเช้าของการอพยพก็ยังคงเกิดการระดมยิงอย่างหนัก เราต้องหลบอยู่ในบังเกอร์ก่อนที่จะสามารถดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลไปยังรถไฟได้” ดร. ชาร์โควากล่าวต่อ “โชคดีที่เราสามารถย้ายผู้ป่วยทั้งหมดไปยังสถานพยาบาลแห่งอื่นได้โดยสวัสดิภาพ และพวกเขาจะเข้ารับการรักษาต่อไป”

    แม้ว่าการย้ายผู้ป่วยไปรักษายังสถานพยาบาลแห่งอื่นในยูเครนจะมีผลทางบวกกับการรักษา ในเวลาเดียวกันระยะทางที่ห่างไกลหมายถึงการแยกตัวออกจากครอบครัวและผู้เป็นที่รัก ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ว่าพวกเขาสามารถกลับไปยังสถานที่ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ ได้เมื่อไหร่หรือจะได้กลับไปหรือไม่

    “มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับคนไข้” ดร. ชาร์โควาแบ่งปันความรู้สึก “การเหลือเพียงหนึ่งทางเลือกคือต้องย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเป็นเรื่องน่าเศร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่บริเวณแนวหน้าปะทะ อย่างภูมิภาคแคร์ซอน โดเนตสค์ (Donetsk) และคาร์คิฟ (Kharkiv) กำลังตกเป็นเป้าโจมตีบ่อยครั้ง”

    นับแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อสภาวะสงครามเต็มรูปแบบเริ่มต้นขึ้นและดำเนินต่อจนกระทั่งยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ได้ หน่วยบริหารราชการส่วนภูมิภาคระดับท้องถิ่นบันทึกสถิติว่าสถานพยาบาล 26 แห่งในภูมิภาคแคร์ซอนพังพินาศ และอีก 105 แห่งได้รับความเสียหาย ซึ่งเมื่อรวมความเสียหายทั้งหมดนับได้ว่า 80 เปอร์เซนต์ของสถานพยาบาล (โรงพยาบาล คลินิกการแพทย์ ศูนย์พยาบาลและการผดุงครรภ์) ในพื้นที่ถูกทำลายบางส่วนหรือถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

    “องค์การฯ ไม่อาจยอมรับการโจมตีโรงพยาบาลในยูเครน และเรียกร้องให้มีการคุ้มครองสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และผู้ป่วยมาโดยตลอด”

    และตัวเลขของสถานพยาบาลและสถานสงเคราะห์ในแคร์ซอนที่ถูกทำลายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามลำดับ จากการที่รัสเซียยังคงยึดครองบางพื้นที่ และนั่นหมายความว่าการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปได้ยากและไม่ชัดเจน

    “องค์การฯ ไม่อาจยอมรับการโจมตีโรงพยาบาลในยูเครน และเรียกร้องให้มีการคุ้มครองสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และผู้ป่วยมาโดยตลอด” วินเชนโซ ปอร์ปิลยา (Vincenzo Porpiglia) หัวหน้าภารกิจขององค์การฯ ในยูเครนกล่าว “แต่การโจมตีด้วยขีปนาวุธและการโจมตีโรงพยาบาลยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไร้ซึ่งการคำนึงถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ”

    ในยามสงครามเช่นนี้ องค์การฯ ประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโรงพยาบาลและโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการสุขภาพแห่งอื่นในยูเครน และเรียกร้องให้มีการคุ้มครองสถานพยาบาลอีกครั้ง