Skip to main content

    เฮติ: ระงับกิจกรรมในเขตมหานครปอร์โตแปรงซ์ จากเหตุความรุนแรงและภัยคุกคามจากตำรวจ

    View of the Delmas 18 area, after fighting between armed groups and police forces. Haiti, March 2024. © Corentin Fohlen/Divergence

    พื้นที่เดลมัส 18 หลังจากการสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธและกองกำลังตำรวจ - เฮติ มีนาคม 2567 © Corentin Fohlen/Divergence

    มืองปอร์โตแปรงซ์ (Port-au-Prince) – การคุกคามจากตำรวจต่อเจ้าหน้าที่ขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders / Médecins Sans Frontières – MSF) ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้องค์กรต้องระงับกิจกรรมในเขตมหานครปอร์โตแปรงซ์จนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป

    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าขวางยานพาหนะขององค์การฯ และข่มขู่เจ้าหน้าที่ขององค์การฯ โดยตรง รวมถึงการขู่เอาชีวิตและขู่ข่มขืน ในสัปดาห์หลังการโจมตีรถพยาบาลขององค์การฯ มีผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บในวันที่ 11 พฤศจิกายน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลให้องค์การฯ ต้องหยุดรับผู้ป่วยและไม่มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาล 5 แห่งในเมืองหลวงของประเทศเฮติ(Haiti) ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน เนื่องจากผู้มีอำนาจได้แสดงอย่างชัดเจนว่ามีการมุ่งโจมตีบุคลากรและผู้ป่วยขององค์การฯ ในประเทศ

    สำหรับองค์การฯ พวกเราคาดหมายได้ว่าอาจต้องปฏิบัติงานในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่การบังคับใช้กฎหมายกลายเป็นภัยคุกคามโดยตรง พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระงับการรับผู้ป่วยในปอร์โตแปรงซ์ไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเอื้อต่อการปฏิบัติงานของพวกเราอีก ในทุกๆ วันที่เราไม่สามารถกลับมาปฏิบัติงานต่อได้คือโศกนาฏกรรม เนื่องจากพวกเราเป็นหนึ่งในไม่กี่หน่วยบริการด้านสุขภาพที่ให้บริการทางการแพทย์อย่างหลากหลายและครอบคลุมที่ยังคงเปิดอยู่ในปีที่ยากลำบากนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเราไม่สามารถจะดำเนินการต่อท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ข่มขืน หรือแม้กระทั่งการสังหาร
    คริสโตเฟอร์ การ์นิเยร์ หัวหน้าภารกิจ

    หลังจากเหตุการณ์ในวันที่ 11 พฤศจิกายนเพียง 1 สัปดาห์ องค์การฯ ได้เผชิญกับ 4 เหตุการณ์ดังต่อไปนี้ ที่ทำให้พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระงับกิจกรรมในปอร์โตแปรงซ์

    1. เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน รถพยาบาลขององค์การฯ 2 คันถูกขวางโดยเจ้าหน้าที่กองบังคับสืบสวนสอบสวนและปฏิบัติการพิเศษของตำรวจแห่งชาติเฮติ (Haitian National Police’s Brigade de Recherche et D’Intervention - BRI) ที่ได้ขู่ว่าจะฆ่าเจ้าหน้าที่ขององค์การฯ ในอนาคตอันใกล้
    2. เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ในย่านเดลมาส 33 (Delmas 33) หนึ่งในคนขับรถขององค์การฯ ถูกข่มขู่ด้วยวาจาจากตำรวจนอกเครื่องแบบว่าจะโจมตีรถพยาบาลขององค์การฯ ในอนาคต
    3. เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ช่วงเวลาก่อนเที่ยงคืน รถพยาบาลอีกคันขององค์การฯ ที่กำลังขนย้ายผู้ป่วยอยู่ก็ถูกเรียกให้หยุดใกล้กับถนนบูเลอวาร์ด ตูแซ็ง ลูแวร์ตูร์ (Boulevard Toussaint Louverture) จากหน่วย SWAT และยังได้ขู่ฆ่าผู้ป่วยในเวลานั้นด้วย หลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้น รถพยาบาลถูกอนุญาตให้เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลขององค์การฯ ในทาบาร์ (Tabarre)
    4. เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ในแครฟูร์ ริต้า (Carrefour Rita) ยานพาหนะของหน่วยงานตำรวจแห่งชาติเฮติ ที่มีคนขับเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบที่พกอาวุธปืนมาด้วย ได้หยุดยานพาหนะขององ์การฯ ที่กำลังไปส่งเจ้าหน้าที่ไปทำงาน เขาข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่อยู่บนรถ โดยได้พูดว่า สัปดาห์หน้ากองตำรวจจะทำการสังหารและเผาเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วย และ รถพยาบาลขององค์การ
    นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีรถพยาบาลและบุคลากรของพวกองค์การฯ อีกหลายครั้ง โดยกลุ่มคนติดอาวุธนอกเครื่องแบบ ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนด้วย

    องค์การฯ ได้ให้การดูแลรักษาทางการแพทย์เบื้องต้นแก่ทุกคน โดยเฉลี่ยในแต่ละสัปดาห์ องค์การฯ ได้รักษาผู้ป่วยทั่วไปมากกว่า 1,100 ราย ในเขตมหานครปอร์โตแปรงซ์ โดยเป็นเด็กที่มีอาการฉุกเฉิน 54 ราย และผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงทางเพศและทางเพศภาพอีกกว่า 80 ราย องค์การฯ จึงจำเป็นต้องระงับการให้บริการทางการแพทย์ทั้งหมด ยกเว้นผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ใน 5 สถานพยาบาลและคลินิกเคลื่อนที่ขององค์การฯ ในเขตมหานครปอร์โตแปรงซ์อยู่แล้ว ที่จะยังคงได้รับการรักษาจากองค์การฯต่อไป และการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตของเราในทางตอนใต้ของประเทศอย่างปอร์โตปีมองต์ (Port-a-Piment) ก็จะยังคงดำเนินต่อไปเช่นกัน

    พวกเราอยู่ในเฮติมายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว และการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก เนื่องจากการรักษาพยาบาลสำหรับประชาชนในเฮติไม่เคยถูกจำกัดเท่านี้มาก่อน หลายคนต้องสูญเสียการเข้าถึงบริการขององค์การฯ เนื่องจากพวกเราไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยในปอร์โตแปรงซ์ พวกเรายังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้คนในเฮติ แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมารับผู้ป่วยใหม่เข้ามาในสถานพยาบาลของเราในปอร์โตแปรงซ์ จนกว่าพวกเราจะแน่ใจว่าจะได้รับความปลอดภัยและความเคารพต่อภารกิจทางการแพทย์และทางมนุษยธรรมจากกลุ่มติดอาวุธ สมาชิกกลุ่มติดอาวุธนอกเครื่องแบบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    คริสโตเฟอร์ การ์นิเยร์ หัวหน้าภารกิจ