“โรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บ ยารักษา เครื่องอุปโภคบริโภค และเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปั่นไฟก็กำลังขาดแคลน” ไอย์มาน อัล-จารูชา (Ayman Al-Djaroucha) รองหัวหน้าฝ่ายประสานงานขององค์การแพทย์ไร้พรมแดนในฉนวนกาซากล่าว
ขณะนี้ อุปสรรคในการทำงานที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์บริเวณฉนวนกาซาต้องเผชิญ คือไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาล “ตอนนี้รถพยาบาลไม่สามารถใช้งานได้เพราะถูกโจมตีทางอากาศ” ดาร์วิน ดิแอซ (Darwin Diaz) ผู้ประสานงานทางการแพทย์ขององค์การฯ ในฉนวนกาซาให้ข้อมูล
การสู้รบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม กองกำลังอิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลอินโดนีเซียและรถพยาบาลที่จอดอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลนัสเซอร์ (Nasser) ส่งผลให้นางพยาบาลและคนขับรถพยาบาลเสียชีวิต รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย โดยองค์การฯ ให้การสนับสนุนโรงพยาบาลอินโดนีเซียและโรงพยาบาลนัสเซอร์ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาในช่วงปี 2554 และ 2564 ตามลำดับ
องค์การฯ ขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ที่มอบความคุ้มครองให้กับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาล ยานพาหนะ และบุคลากรทางการแพทย์
ทีมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นขององค์การฯ ได้ดำเนินการผ่าตัดและดูแลผู้ป่วยในในโรงพยาบาลอัล อาวดา (Al-Awda) ทางตอนเหนือของพื้นที่ องค์การฯ ได้เพิ่มปริมาณเตียงผู้ป่วยให้ได้มากถึง 26 เตียง เพื่อเตรียมพร้อมรับรองผู้ป่วยจำนวนมากที่คาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามา
“เราดูแลผู้ป่วยอาการคงที่ที่ถูกส่งต่อมาจากพื้นที่อื่น” ฌอง ปิแอร์ (Jean Pierre) ผู้จัดการด้านกิจกรรมทางการแพทย์ขององค์การฯ ในฉนวนกาซาเอ่ย “ผู้ป่วยทั้งหมดบาดเจ็บจากกระสุนปืนและสะเก็ดระเบิด โดยบริเวณที่พบบาดแผลกระจายทั่วทั้งแขนและขา”
เจ้าหน้าที่รายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บนับตั้งแต่เหตุความรุนแรงเริ่มต้นในวันที่ 7 ตุลาคม ว่าได้รับบาดเจ็บมากกว่า 2,200 ราย และผู้เสียชีวิตกว่า 300 ราย โดยตัวเลขนี้เป็นเด็กจำนวน 20 ราย ส่วนพื้นที่ของประเทศอิสราเอล มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 600 ราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 2,000 ราย
