องค์การแพทย์ไร้พรมแดน: ทุกความสูญเสียจะต้องยุติลง
บ้านเมืองที่ถูกทำลายลงอย่างราบคาบในกาซา - ดินแดนปาเลสไตน์ 10 ตุลาคม 2566 © Mohammed Baba
องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières – MSF / Doctors Without Borders) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างสุดความสามารถเพื่อให้บรรลุถึงการหยุดยิงทันทีและถาวรในฉนวนกาซา
ภายหลังจากห้วงเวลาแห่งการสู้รบรุนแรงเป็นเวลาหลายสัปดาห์ การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในระยะหนึ่งเป็นสัญญาณแรกที่แสดงออกถึงการเคารพหลักมนุษยธรรม แต่กระนั้นแล้วข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจถือได้ว่าเป็นทางออกของปัญหานี้อย่างใด ห้วงเวลาที่เสียงปืนสงบลงเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับพลเมืองชาวกาซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบนั้นเป็นโอกาสให้พวกเขาสามารถเข้าถึงเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อาหาร และน้ำดื่มได้ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงความต้องการที่เหลือคณานับ ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในครั้งนี้ยังไม่มากพอที่จะจัดให้มีการส่งมอบความช่วยเหลือที่สามารถรองรับความต้องการเหล่านั้นได้
องค์การฯ รู้สึกตระหนกและโศกเศร้าต่อกรณีที่กลุ่มฮามาสได้ลงมือสังหารพลเรือนอิสราเอล และเวลาที่ผ่านมามากกว่า 7 สัปดาห์นับตั้งแต่ที่การโจมตีเริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม มันไม่มีคำใดที่สามารถบรรยายถึงความสยดสยองนองเลือดจากฝั่งกองทัพอิสราเอลที่กระทำกับพลเรือนกาซาได้ ดังที่ทุกสายตาทั่วโลกได้เห็นเป็นประจักษ์จากการใช้กำลังตอบโต้อย่างต่อเนื่องและไม่เลือกเป้าหมาย
การกระทำอย่างอุกอาจในหลายเหตุการณ์ของรัฐบาลอิสราเอลแสดงถึงความไม่ไยดีต่อความปลอดภัยของสถานพยาบาลในกาซา ภาพที่ปรากฏต่อตรงหน้าพวกเราทุกคนคือโรงพยาบาลหลายแห่งกำลังแปรเปลี่ยนเป็นสถานเป็นที่เก็บศพ หรือที่ร้ายไปกว่านั้นคือถูกโจมตีจนกลายเป็นซากปรักหักพัง สถานพยาบาลเหล่านั้นกำลังถูกถล่มโจมตีจากทางอากาศ ถูกระดมยิงจากหน่วยปืนใหญ่ รถถัง และอาวุธปืน ถูกล้อมและบุกเข้าโจมตี นำไปสู่เรื่องน่าเศร้าที่ทั้งผู้ป่วยและบุคลากรการแพทย์ต่างเสียชีวิตลง จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO) สถานพยาบาลถูกโจมตี 178 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 22 คน และมีบุคลากร 48 คนได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการแพทย์ทุกคน และเจ้าหน้าที่ขององค์การฯ ต่างเหนื่อยล้าและสิ้นหวังอย่างยิ่ง ในขณะที่ผู้คนกำลังสิ้นใจลงอย่างทรมาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยังต้องตัดแขนขาของเด็กที่มีบาดแผลไฟไหม้อย่างรุนแรง โดยไม่มียาสลบหรือเครื่องมือปลอดเชื้อสำหรับงานหัตถการทางศัลยศาสตร์ให้ใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์หลายรายต้องเผชิญกับการเลือกที่ยากจะตัดสินใจจากการบังคับอพยพโดยทหารอิสราเอล นั่นคือ การเลือกรักษาชีวิตของตนเองแล้วทิ้งผู้ป่วยไว้ข้างหลัง หรือการรักษาผู้ป่วยต่อไปโดยไม่อาจทราบชะตาของตนเองในวันรุ่งขึ้น มันไม่มีเหตุผลสนับสนุนใดที่เพียงพอกับการกระทำอันเลวร้ายดังกล่าว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา องค์การฯ ได้ส่งทีมงานฉุกเฉินระหว่างประเทศไปยังกาซา สมทบร่วมกับเพื่อนร่วมวิชาชีพชาวปาเลสไตน์ในการเพิ่มศักยภาพการทำงานด้านการปฏิบัติการแพทย์และงานหัตถการทางศัลยศาสตร์ ภายในสถานพยาบาล หากเป็นเรื่องน่าเสียดายว่าการทำงานของพวกเขาไม่อาจรองรับความต้องการด้านการแพทย์อย่างเต็มกำลังเมื่อพิจารณาถึงจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากเกินจำนวนเจ้าหน้าที่ โครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทำลาย การขาดสิ่งของจำเป็นเช่นน้ำมันเชื้อเพลิง และสถานการณ์ที่ยังไม่ปลอดภัยอยู่ ทางองค์การฯ หวังว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้มากยิ่งกว่านี้ หากการปิดล้อมเมืองและการระดมโจมตีอย่างไม่เจาะจงเป้าหมายจากกองทัพอิสราเอลกำลังยับยั้งเราจากทุกความตั้งใจ
เจ้าหน้าที่องค์การฯ 3 รายถูกสังหาร และสมาชิกอีกหลายรายต้องเสียสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมวิชาชีพอีกมากได้รับบาดเจ็บ องค์กรด้านมนุษยธรรมแห่งอื่นก็รายงานตัวเลขการเสียชีวิตของผู้ปฏิบัติงานหลายสิบคนเช่นกัน
ภายใต้การปิดล้อมเมืองโดยอิสราเอลที่ยาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 คำกล่าวที่ว่ากาซาคือเรือนจำกลางแจ้งใหญ่ที่สุดในโลกไม่ใช่คำกล่าวเรียกที่เกินจริงเลย นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหาร รัฐบาลอิสราเอลได้กำหนดให้กาซาเป็น "พื้นที่ปิดล้อมโดยเบ็ดเสร็จ" พลเรือน 2.3 ล้านคนถูกจองจำโดยปริยายอยู่ในพื้นที่ มีการห้ามขนส่งซึ่งปัจจัยดำรงชีพ เช่น น้ำดื่ม อาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และยารักษาโรค นอกจากนี้ยังมีการกีดกันต่อการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทำให้ผู้คนที่ต้องการไม่สามารถได้รับสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพได้ การบังคับให้ประชากรรับการลงโทษแบบเหมารวม (collective punishment) คือการกระทำอันเป็นอาชญากรรมสงคราม ตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law - IHL)
แม้อิสราเอลกล่าวอ้างว่านี่คือการต่อสู้เพื่อต่อต้านกลุ่มฮามาสเท่านั้น หากการโจมตีที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อย ความสูญเสียเกิดขึ้นทุกตารางนิ้วของกาซา เกิดกับพลเมืองทุกคนโดยไม่เลือกเป้าหมาย แม้แต่การทำสงครามก็มีกฎเกณฑ์ หากการดำเนินการทางทหารที่กองทัพอิสราเอลกำลังปฏิบัติอยู่ไม่ได้สัมพันธ์กับหลักความได้สัดส่วน ในช่วงต้นของการรุกรานอันไม่อาจยอมรับได้ โฆษกของของกองทัพอิสราเอล (Israel Defense Forces - IDF) ได้ประกาศโดยเน้นย้ำว่า การปฏิบัติการตอบโต้ที่มากเกินความจำเป็นนี้เป็นการทำงานใต้หลักการ "มุ่งเน้นที่ความย่อยยับของอีกฝ่าย ไม่ใช่เรื่องความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมาย" และจากทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันสามารถกล่าวได้ว่าการกระทำของกองทัพอิสราเอลได้ดำเนินตามคำประกาศโดยไม่ผิดเพี้ยน
กาซาตอนเหนือกำลังถูกลบออกจากแผนที่โลก ระบบการแพทย์ภายในพื้นที่ได้พังทลายลง จากรายงานของหน่วยงานสาธารณสุขกาซามีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 14,000 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก หรืออาจนับเป็นสัดส่วนการเสียชีวิต 1 คนต่อประชากรในกาซา 200 คน มีผู้บาดเจ็บอีกหลายหมื่นคน หลายครอบครัวกำลังนำร่างของสมาชิกครอบครัวอันเป็นที่รักที่เสียชีวิตใต้ซากปรักหักพังออกมา องค์การสหประชาชาติ (United Nations - UN) ระบุว่ามีผู้พลัดถิ่นแล้วอย่างน้อย 1.7 ล้านคน พลเรือนเหล่านี้ถูกบังคับให้ย้ายไปทางใต้หากกองทัพอิสราเอลก็โจมตีบริเวณเหล่านั้นเช่นกัน มันไม่มีที่ไหนปลอดภัย
ทีมฉุกเฉินขององค์การฯ ใน เมืองข่าน ยูนิส (Khan Younis) ทางตอนใต้ของกาซา รายงานว่ามีผู้บาดเจ็บเข้ามารักการรักษาเป็นจำนวนมาก ภายหลังจากการทิ้งระเบิดและการโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงใส่พื้นที่ รวมไปถึงค่ายผู้ลี้ภัยต่างแออัดจากผู้คนที่พยายามเอาชีวิตรอด หากค่ายเหล่านั้นก็สามารถให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างจำกัดเช่นเดียวกัน ในกรณีที่พวกเขาไม่เสียชีวิตเพราะระเบิด มันเป็นเรื่องน่ากังวลว่าพวกเขาก็อาจถูกพรากชีวิตจากแผลติดเชื้อหรือความอดอยาก
การหยุดยิงอย่างถาวรเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดการสังหารพลเรือนอีกหลายพันคน และเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นอย่างยิ่งสามารถเข้าไปถึงได้ องค์การฯ ยังเรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะทำงานอิสระ เพื่ออำนวยการให้สามารถนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ปริมาณเพียงพอเข้าไปยังกาซาได้
การโจมตีพื้นที่กาซาอย่างต่อเนื่องต้องยุติลงทันที การบังคับให้อพยพย้ายถิ่นฐานต้องยุติลงทันที การโจมตีสถานพยาบาลและทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต้องยุติทันที การปิดล้อมและการจำกัดการเข้าถึงความช่วยเหลือต้องยุติทันที ทุกความสูญเสียต้องจบลงทันที
องค์การฯ เรียกร้องให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาอย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือดอีก
กลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ขององค์การฯ ในเขตเวสต์แบงก์ยังได้รายงานเหตุการณ์โจมตีสถานพยาบาลหลายครั้งด้วยความรุนแรง การกดขี่ข่มเหง และการคุกคาม จากข้อมูลของสหประชาชาติ มีชาวปาเลสไตน์กว่า 200 คนถูกสังหารไปตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม จากทั้งทางกองทัพอิสราเอล (IDF) และผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอล
จนถึงวินาทีนี้ นับได้ว่าผู้นำทั่วโลกได้เป็นตัวการร่วมในอาชญากรรมครั้งนี้ ไม่ว่าโดยการให้เงินทุนหรืออาวุธยุทโธปรณ์แก่อิสราเอล หรือการเพิกเฉยต่อการยับยั้งการประหัตประหารอย่างโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นในกาซา โดยมีการแสดงออกผ่านคำพูดเพียงอย่างเดียว
ถึงเวลาที่ทุกคนจะร่วมเรียกร้องให้ "เคารพการคุ้มครองพลเรือน" และ/หรือใช้วิธีการทางการทูตเพื่อโน้มน้าวให้อิสราเอลเห็นว่า ที่ลงทัณฑ์อันถึงแก่ชีวิตกับประชาชนในกาซานั้นเป็นการกระทำอันไร้ซึ่งมนุษยธรรมและไม่อาจอ้างเหตุที่ฟังขึ้นได้เลย
องค์การฯ เรียกร้องให้ทุกคนดำเนินการ เพื่อธำรงไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์ร่วมกัน
“เราทำดีที่สุดแล้ว ช่วยจดจำพวกเราด้วย” นี่คือข้อความที่นายแพทย์ มาห์มูด อาบู นูไจลา (Dr. Mahmoud Abu Nujaila) แพทย์ฉุกเฉินขององค์การฯ เขียนไว้บนกระดานไวท์บอร์ดของโรงพยาบาลในกาซา ซึ่งปกติจะใช้สำหรับเขียนแผนการผ่าตัด โดยนายแพทย์รายนี้เสียชีวิตระหว่างการโจมตีทางอากาศในเวลาต่อมา
เมื่อควันปืนจางลงไป และภาพแห่งความพินาศได้ปรากฏชัด
คุณจะสามารถเอ่ยคำว่า ‘เราทำดีที่สุดแล้ว’ เช่นเดียวกับนายแพทย์นูไลจาได้หรือไม่?
ภาพถ่ายจากหน่วยศัลยกรรมตกแต่งของโรงพยาบาลอัล อาวดา (Al-Awda) ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา หลังจากการโจมตีเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ส่งผลให้แพทย์เสียชีวิต 3 ราย โดย 2 รายเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การฯ รวมถึงมีบาดเจ็บจำนวนมาก - ดินแดนปาเลสไตน์ 21 กันยายน 2566 © MSF
สนับสนุนการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินของพวกเรา
สนับสนุนพวกเราในการส่งต่อเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยการบริจาคตอนนี้