อัฟกานิสถาน: ชีวิตหลังเหตุแผ่นดินไหวที่เฮราต
สตรีสองคนและเด็กตัวน้อยเดินข้ามบ้านเรือนที่เสียหายภายในหมู่บ้านชาฮัก (Cha Hak) เขตอินจิล (Injil) เมืองเฮราต (Herat) ซึ่งบ้านทุกหลังในหมู่บ้านนี้พังถล่มทั้งหมด - อัฟกานิสถาน 2566 © Paul Odongo/MSF
ทางองค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders / Médecins Sans Frontières - MSF) ได้มีการแจกจ่ายเวชภัณฑ์ปฏิบัติการแพทย์สำหรับผู้ประสบภัย และได้ตั้งเต็นท์สนาม 10 หลัง ณ พื้นที่ว่างของโรงพยาบาลศูนย์เมืองเฮราต (Herat Regional Hospital) เพื่อรองรับทั้งผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บและเจ้าหน้าที่พยาบาล โดยโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งทางองค์การฯ เข้าไปปฏิบัติภารกิจด้านกุมารเวชกรรมอยู่ในปัจจุบัน ในช่วงแรกหลังเกิดเหตุมีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บจำนวนประมาณ 540 คนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ตามมาด้วย 126 คนที่เข้ามาภายหลังแผ่นดินไหวอีกระลอกหนึ่ง (แผ่นดินไหวใหญ่ครั้งที่สอง) เมื่อวันพุธที่ 11 และอีก 167 คนจากแผ่นดินไหวระลอกที่สามเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยทางการได้ประเมินจำนวนผู้เสียชีวิตไว้อยู่ที่ราว 2,000 คน ซึ่งก็เป็นตัวเลขอันยังไม่เป็นที่สรุปแน่ชัด
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีการบาดเจ็บระดับเบาถึงปานกลาง และก็จำเป็นต้องให้ขวัญกำลังใจแก่พวกเขาด้วย หลายคนต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัว เสียบ้านเรือนหรือข้าวของไป หรือบางรายนั้นก็เป็นเพียงผู้รอดชีวิตคนเดียวในหมู่บ้านนั้นๆ ทีมงานขององค์การฯ ได้เข้าไปยังพื้นที่ซึ่งเสียหายหนักที่สุดรอบตัวเมือง เพื่อประเมินสถานการณ์ความจำเป็นด้านการแพทย์ โดยเขตซินดะญัน (Zinda Jan) เป็นหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว
ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวบอกเล่าของผู้รอดชีวิตบางส่วนจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้
เราะบิเยฮ์ ญะมาลี (Rabieh Jamali)
หมู่บ้านซัยยะฮับ (Seya Hab) ของเราะบิเยฮ์ ญะมาลี ตั้งอยู่ในเขตซินดะญัน แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นได้ถล่มหมู่บ้านแห่งนี้เสียราบ ในพื้นที่ว่างของโรงพยาบาลนี้จึงเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวของเธอ กับฆูล มุฮัมมัด (Gul Mohamed) ผู้เป็นบิดา และญาติครอบครัวคนอื่นๆ ของเธอที่ยังอยู่ เราะบิเยฮ์มีบาดแผลที่ขา หลัง และศีรษะ ครอบครัวนี้เข้ามารับการรักษาอยู่เป็นเวลา 5 วัน เมื่อแพทย์ให้พวกเขากลับบ้านได้ พวกเขาก็เลือกที่จะอยู่ในเต็นท์พักพิงนี้
"ตอนเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก เราเพิ่งทานมื้อเที่ยงกันเสร็จ จากนั้นสามีและลูกสาวฉันก็เดินออกไปข้างนอก มันเป็นจังหวะที่มีเสียงดังสนั่นกับสัมผัสได้กับแรงสะเทือน จากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้แล้ว รู้ตัวอีกทีก็เห็นคนกำลังช่วยกันขุดเศษอิฐปูนที่ทับตัวฉันและญาติครอบครัวคนอื่นๆ จากทั้งหมด 6 คนที่อยู่ในห้องนั้น ลูกสาววัย 3 ขวบของฉันเสียชีวิตลง
เขาเอาฉันขึ้นเฮลิคอปเตอร์ออกมาจากที่นั่น พาไปส่งที่โรงพยาบาลของทหาร เราอยู่กันที่นั่นคืนนั้น พอวันรุ่งขึ้นเขาก็พามาที่นี่ (โรงพยาบาลศูนย์เมืองเฮราต) อะมาละฮ์ (Amaleh) ลูกชายอายุ 7 ขวบของฉัน อาการไม่สู้ดีนัก ฉันก็เป็นห่วงเขา เขาพักรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยของที่นี่ แล้วพ่อฉันก็เข้าไปเยี่ยม เขาฟันหักเกือบทั้งปาก ดั้งจมูกหัก และหัวเขาก็เป็นแผลหนักเลย
หมอบอกว่าเรากลับบ้านได้ แต่ว่าเราไม่มีบ้านให้กลับแล้ว ตอนนี้เราไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย บ้านทุกหลังในหมู่บ้านเราพังถล่มหมด มีคนมาแจกจ่ายสิ่งของที่เต็นท์สนาม เราได้รับแจกถ้วยชาม ขวดน้ำ กับผ้าห่ม แต่ว่าสิ่งที่จำเป็นสำหรับเราคือเต็นท์สักหลังหรือบ้านไว้หลับนอน"
ฮัซซาน มีรเซาะอี (Hasan Mirzaie) และชะมายีล (Shamaeil)
ฮัซซาน มีรเซาะอีวัย 28 ปี กับชะมายีล (Shamaeil) ภรรยาวัย 25 ปีของเขา เป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านนายิบรอฟี (Naieb Rafi) ในเขตซินดะญัน ทั้งสองอยู่ที่เต็นท์โรงพยาบาลสนามกับแม่ของฮัซซานและบุตรสาววัย 2 ขวบ บ้านของพวกเขาถูกทำลายโดยเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ขณะนั้นฮัซซานกำลังทำงานอยู่ ส่วนชะมายีลถูกผนังบ้านพังถล่มมาทับขาของเธอหักและบาดเจ็บที่แผ่นหลัง เธอต้องแท้งลูกซึ่งอุ้มท้องมาจนใกล้จะถึงกำหนดคลอดอยู่แล้ว
"ลูกสาวของฉันติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง แต่โชคดีที่เธอไม่เป็นอะไร ตอนเขาลากฉันออกมาจากซากปรักหักพัง ฉันสลบอยู่และมีเลือดไหลท่วมตัว เขาเล่าว่าฉันถูกพามาส่งที่นี่ทางเฮลิคอปเตอร์" ชะมายีย้อนความหลัง
"พอฉันฟื้นก็เห็นว่าอยู่ในหอผู้ป่วยหลังคลอด ฉันพยายามนึกให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น ตอนแรกฉันนึกว่ามีแค่บ้านฉันที่พังถล่ม แต่ว่าตอนหลังแม่ฉันกับญาติๆ บอกว่าทั้งหมู่บ้านราบไปหมดเลย แล้วฉันก็เพิ่งรู้ว่าฉันเสียลูกในท้องไป
ผู้คนที่ฉันรู้จักหลายชีวิตต้องจากไปในเหตุแผ่นดินไหว ลุงของฉัน หลานชาย บรรดาเพื่อนบ้าน และญาติๆ มากมายจนนับไม่ถ้วน พวกปศุสัตว์ที่เราเลี้ยงไว้ก็ตายหมด"
ส่วนฮัซซานเสริมต่อไปว่า
"ตอนนั้นเฮลิคอปเตอร์มารับลูกสาวกับภรรยามาที่โรงพยาบาล ส่วนฉันตามมาทีหลังโดยรถพยาบาล ฉันตามหาพวกเขาจนเจอว่าถูกพามาส่งที่เต็นท์สนามนี้ เรายังไม่ได้รับแจ้งว่าเธอจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่มีบ้านให้กลับไปแล้วอยู่ดี
เวลานี้ ภรรยาของฉันนอนพักอยู่ในเต็นท์สนามอยู่กับญาติพี่น้องคนหนึ่งและลูกสาวของฉัน ส่วนตัวฉันก็ไปหาที่หลับนอนอยู่ข้างนอก
เรายังขาดผ้าห่ม พรมปูพื้น เต็นท์สักหลังหนึ่ง และบ้านให้พักอยู่ได้ เมื่อหน้าหนาวเข้ามาถึงเราจำเป็นต้องมีก๊าซหุงต้มหรือเตาฟืน เพื่อทำความร้อนให้ที่พักของเราอบอุ่นและปลอดภัย"
ฟัรรอฮ์ดีน มาลิก (Farhah din Malik) และมะดีนะฮ์ (Madina*)
หลังจากพี่น้องผู้ชายของเขาแจ้งข่าวเหตุแผ่นดินไหว ฟัรรอฮ์ดีนซึ่งทำงานอยู่ที่ประเทศอิหร่านก็รีบกลับไปหาครอบครัวในทันที การเดินทางกลับมาของเขากินเวลาถึงสองวัน ตอนนี้เขาอยู่ที่เต็นท์สนามขององค์การฯ กับมะดีนะฮ์ ผู้เป็นภรรยา น้องสาววัย 12 ปีของเขา ภรรยาของพี่น้องผู้ชายของเขากับญาติอีกคนหนึ่ง
"ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ (วันพุธที่ 10 ตุลาคม) แล้วตอนนี้ฉันก็ช่วยดูแลผู้ป่วย 4 คน ฉันไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ในอิหร่านได้ 9 เดือนแล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม ตอนนั้นฉันเพิ่งตื่นนอนหลังจากไปทำงานกะกลางคืนมา ฉันกำลังอาบน้ำละหมาด ก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่น้องของฉัน เขาร้องห่มร้องไห้แล้วบอกให้ฉันกลับมาบ้าน มีญาติพี่น้องเราเสียชีวิตหลายคน พอฉันถามว่าใครบ้าง เขาก็เริ่มไล่ไปทีละคน แม่ของฉัน ลูกสาวอายุ 9 เดือนของฉัน พี่น้องผู้หญิงและลูกสาววัย 3 ขวบของเธอ เขาบอกฉันว่าทั้งหมู่บ้านพังพินาศหมดเลย "รีบๆ มานะ" เขาว่า น้ำตาฉันก็เอ่อท้นออกมา
ฉันเที่ยวหารถแท็กซีให้ไปส่งที่กรุงเตหะราน แล้วไปต่อรถบัสเพื่อข้ามมายังอัฟกานิสถาน ใช้เวลาเดินทางอยู่สองวันกว่าจะมาถึงที่นี่ ตอนฉันมาถึงก็เวลา 5 ทุ่มแล้ว ฉันรีบมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านทันที สิ่งที่ฉันเห็นคือมันเหลือแต่ซากปรักหักพัง คืนนั้นฉันนอนพักอยู่ที่นั่นพอรุ่งเช้าจึงมาที่โรงพยาบาลนี้
เมื่อฉันมาถึงโรงพยาบาล ฉันไปหาเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนและบอกชื่อสมาชิกในครอบครัว เขาก็ชี้ให้มาที่นี่ ฉันเจอพี่น้องของฉัน เราต่างกอดกันร้องไห้ จากนั้นฉันก็มาหาภรรยาและน้องสาว"
มะดีนะฮ์เล่าประสบการณ์ของเธอให้ฟังต่อไป
"ตอนเกิดแผ่นดินไหว พวกเราอยู่ในบ้านกัน หลังคาพังถล่มลงมาทับเรากันทั้งหมด ลูกอายุ 9 เดือนของฉันนอนอยู่ในเปลในห้องนอนก็ถูกทับเสียชีวิต
ที่หัวฉันต้องเย็บหลายเข็ม และหลังฉันก็มีอาการเจ็บ เราถูกพามาส่งโดยเฮลิคอปเตอร์ ในวันนี้ พวกหมอก็มาจดชื่อฉัน แล้วบอกว่าจะให้กลับบ้านได้ แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหนต่อ
สิ่งที่พวกเราต้องการมากที่สุดตอนนี้คือบ้าน ที่หมู่บ้านของเราอากาศในฤดูหนาวจะเย็นจัด ถึงอยู่ในเต็นท์ก็ไม่ช่วยคลายความหนาวได้"
ซันญีน (Sangin)
ซันญีน มาจากหมู่บ้านนายิบรอฟี (Naieb Rafi) ในเขตซินดะญัน (Zinda Jan) เขาแขนหักและกล้ามเนื้อไหล่เคล็ด ก่อนหน้าที่จะเกิดแผ่นดินไหว เขาเพิ่งหมั้นกับว่าที่ภรรยาและกำลังหาเงินเพื่อแต่งงาน เขาเสียพี่น้องผู้หญิงไป 4 คน จากเหตุแผ่นดินไหว
"ตอนนั้นราวๆ 11 โมงครึ่งเห็นจะได้ ก็มีแรงปะทะบางอย่างเคลื่อนมาเหมือนลมพายุ แล้วพื้นดินก็สั่นสะเทือนทำให้ทั้งหมู่บ้านพังถล่มลงหมด มีคนรอดชีวิตเพียงไม่กี่คน นี่ฉันยังสงสัยว่าที่ฉันรอดมานี่เป็นโชคดีหรือว่าโชคร้ายกันแน่
เช้าวันนั้นฉันออกไปทำงานอยู่นอกบ้าน แล้วกลับมาทานมื้อเที่ยงที่บ้านกับแม่และพี่น้องผู้หญิงทั้ง 4 คนของฉัน จังหวะที่กำลังก้าวเท้าจะออกจากบ้านก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ฉันตั้งใจจะวิ่งออกไปนอกบ้านแต่ว่าถูกกำแพงล้มมาทับ พี่น้องที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงร้องของฉัน แต่ขณะที่กำลังจะหนีออกไปก็ถูกหลังคาถล่มลงมาทับกันหมด
ฉันร้องตะโกนอยู่ใต้นั้น แล้วก็มีคนมาช่วยกันดึงฉันออกไป พอพวกเขาช่วยกันดึงพี่น้องทั้งหมดของฉันออกมา แต่ก็พบว่าทั้ง 4 คนเสียชีวิตแล้ว ฉันหมดสติไปและเมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว มีผ้าพันแผลหุ้มมือไว้ กับมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ ตอนนั้นฉันจึงนึกย้อนกลับไปได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เสียงสะเทือนกึกก้องนั้นฉันยังได้ยินอยู่ในหูอยู่เลย
น้อง 2 คนของพ่อ กับพี่น้องคนหนึ่งของแม่ ก็ประสบชะตาเช่นเดียวกันกับพี่น้องทั้ง 4 ของฉัน เพื่อนฝูงของฉัน ญาติพี่น้องของฉัน และเพื่อนบ้านละแวกเดียวกัน ทุกคนต่างก็ประสบกับความสูญเสีย ทุกคนที่ได้พูดคุยด้วยล้วนแต่ต้องเสียสมาชิกครอบครัวไปหลายคน ในบรรดาพี่น้องของฉัน ก็เหลือรอดเพียงแค่คนเดียว เพราะว่าตอนนั้นเธออยู่ที่เมืองเฮราต
ฉันรู้สึกโดดเดี่ยว ครอบครัวคนใกล้ชิดจากฉันไปกันเกือบทั้งหมดเลย ฉันไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำอะไรต่อไป ฉันต้องมีเงินเพื่อดำรงชีพ และมีแผนที่จะแต่งงานรวมถึงปลูกบ้านอยู่อาศัย ฉันหดหู่ใจเหลือเกิน แม่ของฉันพักรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยข้างใน แต่ในเวลานี้ฉันยังหาเธอไม่เจอเลย ส่วนพ่อของฉันอยู่ในในอิหร่านตอนเกิดแผ่นดินไหว จนถึงเวลานี้ฉันก็ยังไม่ได้เจอพ่อเช่นกัน ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
ฉันยังไม่ได้รับแจ้งว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ แต่กระนั้นแล้ว ฉันก็ไม่มีบ้านให้กลับไปอยู่ดี เพื่อนคนหนึ่งบอกฉันว่าเขามีแจกเต็นท์ที่พักให้ แต่ก็อย่างที่เห็นฉันยังไม่สามารถทำงานทำการได้ และยังต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่มาก ฉันอยากได้บ้านที่พัก อยากได้อาหาร
หันไปทางไหนก็เห็นแต่ความพังพินาศที่แผ่นดินไหวได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง ไม่ว่าจะทำอย่างไรฉันก็หยุดคิดกังวลถึงมันไม่ได้
อับดุลสลาม (Abdul Salaam)
อับดุลสลาม มาจากหมู่บ้านซันญัยบ์ (Sanjaib) ในเขตอินญิล (Injil District) เขาเล่าถึงสถานการณ์เมื่อหลังแผ่นดินไหวระลอกที่สองสงบลง
แผ่นดินไหวครั้งแรกในวันเสาร์ได้ทําลายหมู่บ้านใกล้เคียงและพรากชีวิตผู้คนไปจํานวนมาก ส่วนฉันคือผู้รอดชีวิต อย่างไรก็ตามแผ่นดินไหวครั้งที่สองนี้ทําลายบ้านของเราทั้งหมด โชคยังดีที่ทุกคนในหมู่บ้านของเรารอดตาย เพราะว่าขณะนั้นเราทุกคนนอนหลับอยู่ข้างนอกบ้าน มีไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บ อย่างเช่นพี่น้องผู้หญิงของฉันที่ขาหัก ตอนนี้กำลังรับการรักษาอยู่ในเมืองเฮราต
พวกเราสูญสิ้นทุกอย่าง เราไม่เหลืออะไรในชีวิตแล้ว เราต้องเสียบ้าน ทรัพย์สินส่วนตัว และพวกปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้ เรากำลังพยายามกอบกู้อะไรที่พอจะเหลืออยู่บ้าง
* นามสมมุติ
สนับสนุนการทำงานของพวกเรา
ร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางการแพทย์ในสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศอัฟกานิสถานและทั่วโลก